top of page

Notting Hill 105 l วิเคราะห์การลงทุนฉบับตุ๊ดงบน้อย

  • Sukrit Udom
  • Mar 14, 2017
  • 4 min read

INTRODUCTION

คืออยากเขึยนหลักการในการวิเคราะห์การลงทุนมาสักพักละคะ แต่ก็มีข้ออ้างตลอดในการอู้ ขี้เกียจ อิอิอิ วันนี้ผีเข้าได้เวลามาเม้ามอยกันแบบเต็มรูปแบบ สาวแตกเต็มสตรีม เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมากะเทยเผลอไปจองคอนโดมาค่ะ เป็นคอนโดที่บอกใครก็ช็อค แบบ เห้ย! เอาจริงดิ คิดดีแล้วหรอ แน่ใจหรอ เอาจริงๆบอกเลยค้าว่าเสียวอยู่เหมือนกัน 555 แต่ก็นะ ใจมันถวินหา ความอยากระงับได้ด้วยการจอง เอ้ย! ไม่ใช่ 555 กะเทยเลยจะมาแชร์กันค่ะว่าใช้หลักการอะไรในการเลือกซื้อคอนโดตัวนี้

แต่ก่อนเริ่มวิเคราะห์ ต้องชวนเม้ามอยก่อน ตามประสากะเทยค่ะ เอ้านั่งๆ ชั้นจะเริ่มเม้าละ

สำหรับมนุษย์เงิน(ต้น)เดือนแบบดิฉันที่เงินเดือนออกเมื่อไรก็จ่ายค่าบัครเครดิตหมด ใครเลยจะรู้ว่าชีวิตกะเทยนั้นแสนลำบาก อยากจะมีคอนโดอยู่ก็ไม่มีผู้ชายให้ร่วมผ่อนด้วย ค่าใช้จ่ายก็ไม่มีใครมาช่วยหาร เพื่อนสาวก็เยอะแยะมากมายหลายกลุ่ม แม้จะโชคดีไม่ค่อยมีใครชวนไปงานแต่งเพราะแกงค์เรามีแต่ตุ๊ด แต่พวกนางนัดกินข้าวกันแต่ละเดือน แพงยังกับใส่ซองงานแต่ง 10 งาน -_-'' พอเป็นตุ๊ดคนก็คาดหวังว่าต้องสวย (ขออภัยที่ฉันทำไม่ได้ T-T) ต้องเกร๋ ต้องเริศ (อันนี้ฉันว่าแกมโนเองนะ 555) ก็เลยมักเป็นทาสการตลาดเผลอรูดปรืดๆตามงาน SALE อีกทั้งที่บ้านกะเทยก็ไม่ได้มีพื้นฐานเรื่องธุรกิจและการเงิน ทำให้กะเทยเองก็ใช้เงินค่อนข้างไร้สติ แถมพอพ่อแม่เกษียณอายุ กะเทยย่อมต้อง support (อันนี้เต็มใจนะคะ รักพ่อรักแม่ค่ะ) สรุปว่าเดือนๆนึง หมุนไม่ค่อยจะถึงหลอกค่ะปลายเดือน ตามแบบฉบับสาวออฟฟิตผู้ดีทีนแดงมาก

แต่นั้นก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นเหตุผลให้เราไม่ลงทุนนะคะ เพราะถ้าเราไม่ลงทุนในอะไรเลย เงินที่เรามีก็จะฝ่อลงไปเรื่อยๆตามค่าเงินเฟ้อ แล้วเผื่อวันนีงมีเหตุฉุกเฉินเช่นต้องทำนม เอ้ย ไม่ใช่ เราก็จะได้มีเงินใช้ค่ะ ขอกลับไปที่เงินเฟ้อนิดนึง เวลาเราอ่านหนังสือการเงิน พวกนางชอบบอกว่าเงินเฟ้อประมาณ 4% ต่อปี แต่ในฐานะที่เราเป็นตุ๊ดอสังหาฯ (แต่ดูหนังหน้าแล้วเหมาะเรียกตุ๊ดกรรมกร 555) ถ้าใครลองย้อนกลับไปดูราคาคอนโดจากอดีตจนถึงปัจจุบันคงจะบอกว่าได้ 4% ห...ยอะไรละคะ ยกตัวอย่างเช่น The Base Sukhumvit 77 ที่ 5 ปีที่แล้วราคาเริ่มต้นแค่ 1.29 ล้านบาท แต่ปัจจุบันห้องถูกสุดก็ 2.5-2.7++ แล้วมั้ง เอาแบบคิดเร็วๆก็ประมาณ 20% ต่อปีนะคะ นี้ยังไม่รวมค่าเสื่อมนะเธอออ หรือจะ Noble เพลินจิตงี้ ลองคำนวนกันเอาเองว่าคอนโดดีๆมันขึ้นกันไปขนาดไหน ซึ่งนั้นแปลว่า ถ้ากะเทย อยากซื้อคอนโดทำเล A แต่ตอนนี้ยังไม่มีตังค์ จะรอไปก่อนอีกสัก 1-2 ปี มันไม่ได้แพงขึ้นแค่ 4-8% นะคะเธอ ถ้าไม่ลงทุนก็ตายคะตาย

พอพูดถึงการลงทุนในคอนโด สำหรับกะเทยผู้ติดดอยหุ้น T-T มองออกเป็น 2 แบบค่ะ (หรือถ้าเอาแบบ 1 กับ 2 มา mix ก็เปน 3 ได้นะจ๊ะ) คือ

1. ลงทุนแบบ VI (แอร๊ย มีความดัดจริตใช้ศัพท์หุ้น ไม่ดู port ตัวเองเลย แดงเทือกกก) คือการเน้นดูที่มูลค่าแล้วถือยาวๆปล่อยเช่าไปค่ะ หรือแบบที่หนังสือ Rich Dad Poor Dad เรียกว่าการสร้าง Money Generator หรือว่าเครื่องผลิตเงินนั้นเอง (แต่มันก็ต้องลงทุนนะคะเธอ คนจับเสือมือเปล่าได้มันก็มีแหละคะ แต่ไม่ใช่กับทุกคนหรอกนะ)

2. ลงทุนแบบหุ้นปั่น (นั้นแหละ คล้ายๆกัน) คือการถือสั้นๆแล้วขายเกร็งกำไร ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังมีคนที่สามารถทำกำไรจากการทำแบบนี้ได้ค่ะ แต่ก็น้อยลงเรื่อยๆ และส่วนหนึ่งต้องมีสุดยอดกำลังภายใน หรือความสามารถในการจับฉลากหรือต่อคิวเพื่อให้ได้ราคาที่ต่ำกว่าตลาด แต่ความเสี่ยงก็สูงตามนะคะ ไม่เหมาะกับกะเทยงบน้อยแบบดิชั้น

ฉะนั้นกะเทยมองตัวเองเป็นแบบ VI ค่ะ คือขี้เกียจทำงาน กะว่าอนาคตจะนอนสวยรอรับค่าเช่า (มีความมโนสูง) สาเหตุที่เลือกแบบนี้เพราะเรามีเงินน้อยค่ะ รับความเสี่ยงไม่ได้ ติดดอยไม่เอา ตายค่ะ ทุกวันนี้ก็จะไม่พอกินละคะ ทีนี้ถ้าอ่านหนังสือพวกเล่นหุ้นเค้าก็จะบอกว่า การเล่นแบบ VI คือต้องเลือกหุ้นพื้นฐานดี เรียนรู้ได้จากการอ่านงบชิมิ แต่สำหรับคอนโดกะเทยคิดแบบนี้ค่ะ

1. อย่านอนตื่นสาย ตลาดจะวาย ผู้ชายจะหมด อนาคตจะขึ้นคาน - เอ๊ะ! เกี่ยวยังไงฟร๊ะ ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ 5555 เห็นมันมีคำว่าตลาดเลยเอามาเล่นให้มันฮาๆ คือจะบอกว่า กะเทยมองว่าพื้นฐานสำคัญฝุดๆของการลงทุนแบบกะเทยงบน้อยคือ ชุมชนค่ะ (เพราะมีผู้ชายเยอะไม่อดตาย - ดูพยายามเนอะ พอเถอะ) ถ้าย่านนั้นเป็นแหล่งชุมชนแล้วละก็แน่นอนว่ามันต้องมี อาหาร ตลาด และสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านสะดวกซื้อ (ห้างยังไม่มานะคะ ถ้าห้างมาราคาแพงละคะ) ซึ่งกะเทยมองว่านี้คือพื้นฐานสำคัญมากกกกก ของการดำรงชีวิตในเมือง ที่ไม่สามารถเดินออกไปเก็บผักหญ้าข้างวัดมาผัดกินได้นะคะ ซึ่งกะเทยมองเห็นว่า Notting Hill 105 ตอบโจทย์ในเรื่องนี้ (เกือบลืมว่าจะเล่าถึง Notting Hill ด้วย 555) เพราะของกินเยอะมากกก ไหนจะ ตลาด ร้านอาหารตลอดทางเข้าซอย 7-11 เยอะมากกก (ถ้าคนไม่เยอะจริง พี่ 7-11 แกไม่มาหรอกจริงมะ) แล้วก็มี Lotus Express, Family Mart, CP Mart อีก ต้องขอบอกว่าเลย ทำเล 105 ทำให้คิดถึงอ่อนนุชสมัย 5 ปีที่แล้วมาก แต่ก็คิดจะไม่มีทางเหมือนเพราะซอยเล็กขึ้นตึกสูงไม่ได้ T-T ซึ่งยังไงตึกสูงก็ภาษีดีกว่าเยอะ

2. หาแม่ยกช่วยดัน - แปลว่าทำเลแถวๆนั้นต้องมีที่ดินผืนใหญ่ๆว่างๆกว้างๆเยอะๆ ที่สามารถให้ Developer เค้ามาซื้อเพื่อพัฒนาเป็นโครงการนั้นนี้ได้อีก พอมีโครงการใหม่มาขึ้น ที่ราคาแพงกว่า พวกนางก็จะช่วยดันราคาตึกเราให้สูงขึ้นไปด้วย (แต่ก็ไม่ได้มีทางสูงเท่าตึกใหม่กว่านะคะลูก) แถมพวกนางยังต้องทำการตลาดสร้าง content marketing มาพรรณาโวหาร อวยทำเลกันยังกับเป็นโคตรทำเลทองแห่งศตวรรษ ผู้คนก็แห่มาสนใจ พอคนเริ่มเยอะๆ จำนวนยูนิตมากๆค่ะ เดียวก็จะมีคนมาลงทุนทำ community mall เปิดร้านอาหารเกร๋ๆ ทำนั้นนี้ ถ้าโชคดีก็มีห้างแบบอ่อนนุชที่กำลังจะมี Century ความเจริญก็จะถ่าโถมเข้ามาค่ะ ซึ่งทำเลแบริ่งตอยโจทย์เรื่องนี้มากๆค่ะ ถ้าใครเคยไปดู OMG ที่ดินจะเยอะไปไหนผืนใหญ่ๆทั้งนั้น ทังที่ยังเป็นดงหญ้าน่าเสียตัว เอ้ย น่ากลัว และที่เป็นสิ่งปลูกสร้างง่ายๆพร้อมทุบ

3. อยู่ติดตลาดเช่า - ถ้าทำเลที่เราเลือกลงทุนอยู่ติดตลาดเช่าที่กำลัง Hot มันจะดีมากค่ะ เพราะพออีกหน่อยแถวนั้นเริ่มแพงมาก คนเช่ากันไม่ไหว คนก็ต้องยอมขยับ ขยับ ขยับ กันออกมาทีละนิด ทีละนิด ยกตัวอย่างเช่นอ่อนนุชอีกละ (ก็ฉันถนัดนิ 555) ที่เมื่อ 5 ปีก่อนง่อยมาก แต่ด้วยความที่อยู่ใกล้ พร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย ที่เป็นตลาดเช่าระดับเทพ จำได้ว่า 5 ปีที่แล้วตอนมาดู The Base เดินสำรวจอยู่ครึ่งวัน แทบไม่เห็นฝรั่งสักหัว แต่ลองมาดูตอนนี้สิ อู้ย แซ่บค่ะ งานดี กล้ามโต โดยเฉพาะตึกดิฉันขอบอกว่า ผู้ชายหล่อม๊ากกกกก เป็นที่คอนเฟริมของผู้มาเยียมเยียน เอ๊ะ ออกนอกเรื่องไปไกลละ ตบค่ะ (แอร๊ยยย) คือพอพร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย ราคาแพงเอาๆ เค้าก็ต้องขยับออกมาทีละนิด ทีละนิด จนถึงทีของอ่อนนุช ที่ตอนนี้กำลังเป็นตลาดเช่าขนาดใหญ่ของกลุ่มกลาง-ล่าง แต่พอดูราคาตึกใหม่ๆที่ขึ้นมาแถวอ่อนนุชแล้วแอบรู้สึก(มโน)ได้ว่าอ่อนนุชกำลังจะได้เขยิบขึ้นมาอีกนิด อีกนิด อีกนิด เพราะราคาเช่าเริ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีเลยทีเดียว อย่าง LPN 77 - 2 ที่ตอนเปิดตึกค่าเช่าห้อง 22.5 แค่ 6-7 พันเองงะ แต่ตอนนี้ 8-9 พันละมั้ง (ที่ดูมาล่าสุดอะนะ) ส่วน Park West ก็ขึ้นมามาจาก 9,000-10,000 เมื่อตอนเปิดตึกเป็น 13,000-15,000 แล้วสำหรับห้อง 26 ตรม. แต่ก้ต้องยอมรับว่าสมัยนั้นตลาดมันขาขึ้นด้วยเลยส่งผลให้ราคาขยับเร็ว แต่สำหรับปีนี้ที่มีแต่คนบอกว่าอาจจะชะลอตัวจนถึงขาลงคงไม่ทำให้การเขยิบเร็วขนาดนั้น และอีกทั้ง กะเทยยังมองว่าทำเลที่มี potential ต่อมาน่าจะเป็นอุดมสุข บางนา แต่ด้วยราคา 2 ย่านนี้ที่แบบ โอ้วแม่เจ้า นี้เธอเป็นส่วนต่อขยายจริงๆใช่ไหม ทำไมราคาแรงงี้ อย่างล่าสุดขนาด ideo mobi east gate BTS บางนาลดราคา ห้อง 21 ตรม. ยัง 2.39 ล้านบาทเลยอะ ราคาแรงกันจริงๆ กะเทยงบน้อยไม่สามารถค่ะ

4. Gossip star พารวย - ก็ตั้งเวอร์ๆเหมือนเดิมแหละ 555 คือหมั่นตามข่าวสารอสังหาฯ แหล่งข่าวเริดๆสมัยนี้มีเยอะมากกก ทั้งพี่ Kajit (Condoman) หรือซ้อสี่ สตรีต้องสตรอง (ขออนุญาตเอ่ยนามนะคะ) ตามอ่านกันเข้าไปค่ะ ข่าววงในมีเพียบ อย่างซอย 105 ที่กะเทยกล้าซื้อเพราะว่าเค้าบอกว่าจะมีที่ดิน 60 ไร่พัฒนาเป็น retail + office ซึ่งกะเทยก็ไม่รู้ว่าจริงไหม เมื่อไร อะไรยังไง แต่ก็ช่างมัน ยังไงสะวันนึงมันก้ต้องพัฒนา 555 โลกสวยไปไหม หรืออีกข่าวดีนึงคือ Bangkok Mall ที่อยู่ห่างไปแค่ 1 สถานีจะเริ่มสร้างปีหน้า อะไรแบบนี้ ซึ่งนั้นแปลว่าพอมันสร้างเสร็จพวกราคาห้องราคาค่าเช่าก็จะขึ้นอีก เราก็มีลุ้นหลุดดอย

5. ใส่ Brand ดัง นั่งรถเมล์ - ความจริงแต่ก่อนกะเทยเคยให้เรื่องของ Brand เป็นอันดับ 1 นะคะ แต่หลังจากเห็นพี่ๆนักลงทุนมากมาย เลยเริ่มลดระดับลงมาละ เพราะเดียวนี้นิติ LPN และ Plus เค้าก็เริ่มรับงานนอกแล้ว อีกทั้งเราเองก็สามารถถวายตัวเป็นกรรมการเข้าไปจัดการดูแลความเรียบร้อยได้อีก ซึ่งมันไม่ได้ Safe 100% นะคะ แต่ก็ลดความเสี่ยงไปได้เยอะค่ะ ยังไงมันก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพการก่อสร้างด้วยแหละ แต่! สำหรับ Origin จากประสบกาณ์การตรวจคอนโดที่ผ่าน คือส่ายหน้าทุกโครงการจริงๆ แต่ก็มีหลายคนบอกมาว่าเค้าเปลี่ยนแล้วๆ ให้โอกาสเค้าหน่อย หรือพี่เต้ก็บอกว่า แต่เค้าก็แก้ให้นิ จริงปะ ซึ่งแบบ ก็จริงอะ แถมถ้าหันไปดูตลาดตอนนี้แบรนด์เบอร์ 1 ในใจดิฉันอย่างพี่แสน ก็หันไป Love Love กับ BTS ก็เลยคลอดลูกออกมาราคาแพงหูฉีก ไม่มีปัญญาจะลงทุนด้วยหรอกค่ะ หรือจะเป็นแบรนด์เบอร์ 2 ที่กำลังสูสีจะแซงแล้ว จะแซงแล้ว อย่างอนันดา เจ้านั้นเค้าเน้นทำเลเป็นหลักซึ่งราคาเค้าก็ต้องแพงแบบเข้าใจได้มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว (แอบเม้า จริงๆยังรักแสนเหมือนเดิมนะ (ไม่ได้เขียนเพราะอยากให้คนของแสนมาอ่านหรอกนะ เพราะจะชมผู้บริหาร only) ความรักในการทำงานของคนที่สร้างบริษัทมาด้วยความฝัน กับ บริษัทที่โตมาแบบพ่อรวยสอนลูกทำธุรกิจมันต่างกันมากกกกกกกกก แสนสิริเริ่มมาจากห้องแถวเล็กๆ (ตามที่นางโฆษณาอะนะ) ทำตามความฝันมาจนเติบโตเป็นเจ้าตลาด อีกทั้งยังเห็นความตั้งใจอย่างมากในการพัฒนาโครงการ ความใส่ใจในรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ ต้นไม้ใบหญ้า คุณภาพชีวิตของลูกบ้าน แม้จะมีเรื่องการก่อสร้างที่ปัญหาบ้างซึ่งในมุมคนตรวจคอนโดเข้าใจได้ เพราะพวกนางจ้างบริษัทรับเหมาก่อสร้างมาสร้างให้ และพนักงานของแสนเป็นคนคุม ก็เป็นเรื่องปกติที่จะมี Human Error จนมีโฟมมีถุงปูนไปอยู่ตามกำแพงได้ แต่ก็เห็นได้ว่าพี่แสนก็เข้ามาดูแลแก้ไขให้ไม่ขาดตกบกพร่อง (แต่ช้าไปนะพี่) และอีกอย่างที่เห็นได้ชัดคือผมจะเห็นผู้บริหารของแสนอย่างคุณช้างมาเดินเข้าๆออกๆตรวจตราคอนโดและสอบถามข้อมูลจากพนักงานอย่างนิติ รปภ บ่อยมาก อย่างคอนโดผมเนี้ย ผมเห็นแกมาประมาณ 5 ครั้งได้แล้วมั้ง หรือจริงๆเค้ามาแอบดักตบฉัน กรี๊ดดดดดดดดดด ล้อเล่นค่ะ ซึ่งต่างจากบางแบรนด์ที่เป็นอารมณ์ลูกคนรวย เส้นสายทรงพลัง เป็นนักธุรกิจเข้ามาหาเงิน ก็เลย Manage เก่งตามแบบที่เรียนมาจากที่มหาลัยชื่อดังเค้าสอนมา เพราะจะเห็นได้ว่าขนาดบางรายการไปสัมภาษณ์ข้อมูลโครงการ นางยังต้องแอบเปิดโบชัวร์อ่านเลย มันทำให้เห็นถึงความรักในงานอย่างเห็นได้ชัดมากจริงๆ พอละ เดี๋ยวฉันโดนดักตบรุมโทรมฆ่าข่มขืน 555) ส่วนแบรนด์อื่นที่ดีๆก็มีอย่างนาราย สุดยอดแบรนด์สุดแสนดีเลิศประเสริฐศรี หรือ LPN เจ้าของตลาดกลาง-ล่างอันทรงพลัง ก็มีให้เลือกนะคะ แต่ว่ายังไม่มีตัวที่ทำเลโดนใจ และตรงกับแนวทางการลงทุนของดิฉันเท่านั้นเอง ก็เลยทำให้กะเทยต้องเลือกพี่ Origin ซึ่งก็ต้องบอกว่า เรามาลองเสี่ยงกันดูสักตั้งค่ะ (เอาจริงๆ Brand Origin ก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเยอะละนะ ส่วนตัวมองว่าสามารถโตไปทดแทนช่องว่างทางตลาดของ LPN ได้คือเน้นกลุ่มคอนโดสำหรับเปล่าเช่าที่เป็นกลุ่มที่สูงและสวยกว่า LPN หรือเรียกว่าชนกับ The Base ตามแนวรถไฟฟ้าได้ เพราะพี่แสนเองก็ดูเงียบๆกับ The Base ตามแนว BTS เส้นสุขุมวิทไปละตั้งแต่หันไปแต่งงานกับ BTS เนี้ย เพราะเอาจริงๆที่ดินตรงนี้ ถ้าพี่แสนขึ้นเป็น The Base ต่อให้แพงกว่านี้หน่อย ป่านี้ขายไปจะหมดตึกแล้วละ แต่ในเมื่อโอกาสเป็นของ Origin ก็สู้ๆค่ะพี่)

6. ระยะทางรถไฟฟ้า - เรื่องนี้กะเทยมองว่าสำคัญนะคะคือมันควรจะแบบไม่เกิน 1.5 กิโลเมตรอะ สำหรับคอนโดราคาไม่แพงเนี้ย เพราะถ้าแบบ 2-3 โลไปเลยนี้กะเทยว่ามันไม่ไหวแล้วอะ ไกลเกิ้นนน จริงๆอย่าง The Base Park West ตอนซื้อยังเสียวๆเลย เพราะห่างรถไฟฟ้าตั้ง 1.2 โล แต่ที่เอาเพราะข้อจำกัดเรื่องของราคาแล้วก็เชื่อมั่นพี่แสน ที่เรื่องความสวยและจริตของพี่แกไม่เคยทำให้กะเทยผิดหวัง (ยกเว้น EDGE) เลยลองเสี่ยงดู ซึ่งก็โชคดีมากเพราะเมือง T77 กลายเป็นเหมือนเมืองเล็กๆที่น่ารัก ที่กะเทย Love Love มากตอนนี้ จะมีที่ไหนให้ฉันซื้อเบอร์ดี้ 13 บาทไปนั่งจิบบทสะพานสวยชมวิวคลองลมเย็นสบาย 555 ชีวิตดี้ดี กลับมาที่ Notting Hill 105 ที่มากับระยะทาง 500 เมตรถึงรถไฟฟ้า ที่กะเทยลองไปเดินมาแล้ว ไม่ไกลเลย ชอบมาก แถมตลอดทางมีแต่ของกิน แถมตอนนี้ก็เริ่มเห็นฝรั่งบ้างประปรายแล้วด้วย ซึ่งก็น่าจะเป็นผลดีตลาดเช่าในอนาคตเช่นกัน ส่วนคอนโดไหนที่แบบ 1-1.5 โล ก็ยังพอนั่งวินได้ 20-25 บาทไรงี้ (ซึ่งจริงๆละเปลืองนะ ลองคำนวนเป็นเดือนดิ แต่ถ้างบน้อยก็ no choice)

7. ค่าตัวน้องรับรองเหมือนเดิ้มมม - หาที่ราคาต่ำกว่าตารางเมตรละแสนมันยังช่างยากเย็นแสนเข็นเหลือเกินสมัยนี้ ขนาดมีคนหลังไมค์มาถามมีงบ 3 ล้านยังคิดไม่ค่อยออกเลย จะแนะนำไหนดี แต่ละตัวมันช่างตัดสินใจยากมากทั้งนั้น ตอนแรกกะเทยเคยแวะไปดู Notting Hill รอบนึงละนะ ก็ดูขำๆไม่สนใจ แอบถ่ายรูปห้องตัวอย่างอะไรไป เสร็จแล้วเพื่อนสาวผู้บ้าคลั่งคอนโดเหมือนกัน (กราบขอบพระคุณอีเจ้) นางพาขับรถวนดูคอนโดในตรอกซอกซอยแถวนั้น กะเทยเอามือทาบอกร้องคุณพระ Low rise ในซอกหลืบก็ราคาจะแสนกันแล้วนะคะ บ้าไปแล้วววววววว ตั้งราคากันสงสารลูกเล็กเด็กแดงเถอะคะคุณพี่ อีกหน่อยจะให้ไปอยู่ยอดดอยไหนกันค่ะ เลยทำให้รู้สึกว่าเห้ย Notting Hill 105 ที่ตอนแรกรู้สึกเฉยๆนะ กลายเป็นถูกมากไปเลย และบอกเลยว่ากะเทยไม่ได้ซื้อห้องถูกสุดด้วยนะ แล้วยิ่งเมือเทียบกับระยะทางถึง BTS ยิ่ง Happy มาก ก็อย่างว่าตอนนี้ Dev เจ้าใหญ่เค้าก็เน้นไปบุกตลาดจีนกันหมดค่ะ แถมคนจีนพวกนี้รวยมากเงินเยอะแถมคอนโดบ้านนางแพงแล้วไม่สวยเท่าบ้านเราด้วย ไปขายเค้าแพงๆพวกนางยังบอกว่าถูกเล้ยยย อีกทั้งเศรษฐกิจบ้านเรามันก็แย่มาสักพักละ คนชั้นกลาง-ล่างตังค์หมด พวก Dev ก็ต้องหันไปหากลุ่มลูกค้าร่ำรวยเพราะมีเงินถุงเงินถังเงินสดกองเป็นกาลามังตั้งเด่ คอนโดที่เปิดตัวช่วงนี้เลยราคาแบบ OMG OMG OMG 3 รอบก็ยังไม่จบ

8. อารมณ์ - หัวข้อนี้จะพูดถึงทุกอย่างที่เกี่ยวกับอารมรณ์ล้วนๆ เพราะความเป็นผู้หญิงในตัวฉันมันไม่ต้องการเหตุผล 555 ก็เรื่องแรกเลย Plan ห้อง คือแบบนี้แหละ ใช่เลย หามานานแล้ว กะเทยชอบห้อง 25.5 แบบหน้ากว้างค่ะ เพราะทำให้ห้องดูโล่งไม่อึดอัด ครัวปิดครัวเปิดไม่ได้สนใจหรอกค่ะ ทุกวันนี้หาวันเปิดเตาได้ยังไม่ถึง 1 ครั้งต่อเดือนเล้ยยย อีกทั้งยังเอาคอมแอร์ซ่อนด้านบน ให้กะเทยออกมานั่งแรด จิบเบอร์ดี้กระป๋องที่ระเบียงได้อีก แถมบานเลือนกระจกตรงนั่งเล่นก็ใหญ่ รับวิวได้เต็มที่ บอกว่า Plan ห้องนี้คือเข้าไปแล้วรักเลย (เชื่อว่าแต่ละคนก็มีแปลนที่ตัวเองชอบต่างกันไปแหละ แต่เราชอบแบบนี้) ซึ่งถามเพื่อนหลายๆคนก็ชอบห้องนั่งเล่นติดหน้าต่างหรือระเบียงมากกว่า แต่ Dev เจ้าใหญ่ๆแกก็ยืนยันในการเอาครัวไปไว้ติดระเบียงกันสะเหลือเกิน ซึ่งถ้าจะบอกว่าลูกค้าต้องการครัวปิด ก็ทำแบบห้องตัวอย่างที่ Mori Haus ก็ได้ปะที่เป็นบานเลื่อนกั้นแล้วดูดอากาศออกไปปล่อยข้างนอกอะไรแบบนั้น Whatever ส่วนกลางที่นี้เยอะดีค่ะ มีสระ 2 สระ แต่แบบ น่าจะสัก 25 เมตร ที่ให้มา 20 มันมินิมากเลย สวนขนาดใหญ่่และยาวอันนี้ชอบมาก แล้วก็สวนดาดฟ้า อันนี้ก็ชอบอีกแต่ให้เต็มพื้นที่ดาดฟ้าก็ได้ค่ะ 555 แต่สิ่งที่ชอบที่สุดคือ Co-working space (ที่คอนโดไม่มีค่ะ เซงมาก) ทำให้เสาร์ อาทิตย์ หรือเย็นวันธรรมดาต้องไปหาที่สิงค์สถิตตามร้านกาแฟเปลืองเงินอีก ซึ่งเอาจริงๆ Co-working space ทุกวันนี้คือเป็นส่วนกลางที่แบบ A must have มากต่อจาก สระและฟิตเนสแล้วอะ เพราะห้องคอนโดมันเล็ก พอวันหยุดก็อยากจะออกมานั่งข้างนอกในพื้นที่เปิดโล่งๆ วิวสวยๆ บ้าง เอาจริงๆถ้าเป็นตึกสูงได้จะดีใจมาก แต่ก็นะ ตอนนี้มันยังไม่มีอะ 555

สรุปก็เนี้ยละแหละ เหตุผลของฉันที่ทำไมเป็น Notting Hill 105 ถามว่าเสียวไหม เสียวมากคะ เพราะติดสองเรื่องใหญ่ๆคือ Brand กับตึกเตี้ย แต่ทำเลนี้ราคานี้คิดว่าคงไม่ได้มีมาให้เห็นบ่อยๆ บวกกับข่าวดีของบางนา แบริ่ง ที่กำลังจะมาอาจทำให้ราคาพุ่งขึ้นไปอีก แถมมีข่าวแว่วๆมาว่า Dev เจ้าใหญ่ ต่อไปราคาจะบ้าคลั่งกว่านี้อีก เลยแบบเอาเนี้ยแหละคะ

ส่วนรูปของ Notting Hill Sukhumvit 105 ดูได้ข้างล่างนะจ๊ะ แล้วพี่ Origin ก็อย่าน้อยใจไปว่า อีนี้เมิงรีวิวคอนโดตรูยังไงพูดแต่เรื่องตัวเอง 555 เพราะหนูว่าเนี้ย หนูเขียนแบบอัดแน่นสุดๆกว่าทุกตัวแล้วค่ะ ทั้งๆที่พี่ก็ไม่ได้ให้ตังค์หรือลดให้หนูเพิ่มแม้แต่สตางค์นึง (จริงๆไม่น่าเขียนชื่อ product เลยเนอะ 555)

ส่วนคนที่จะลงทุน ก็ไม่ใช่ไปแห่ซื้อตามดิฉันนะคะ อ่านเยอะๆ วิเคราะห์แยะๆ หาทางแนวทางของตัวเองก่อนค่ะ ดิฉันก็ไม่ได้เก่งกาจสามารถอะไร ไม่งั้นป่านี้รวยไปละ จริงปะ 555 จริงๆทำเลนี้ ราคาถูกกว่าของดิฉันก็มีค่ะ แต่ดิฉันไม่ชอบอะ ไม่อิน ไม่ฟินเวลาเข้าไปดู

การลงทุนก็เหมือนการปลูกต้นมะม่วงค่ะ (ผลไม้อื่นก็ได้นะยะ 555) เราคนธรรมดามีในมือแค่ 1-2 เม็ด จะปลูกลงต้น ต้องมั่นใจว่าปลูกยังไงให้โต ไม่เหมือนคนรวยที่มีเป็นสิบเป็นร้อยเม็ด โยนๆหว่านๆมั่วๆ ยังไงมันก็โต จะตายไปบ้าง ตายเยอะ ก็ไม่เดือดร้อน ปลูกไปเสร็จก็ต้องรอกว่าจะออกผล ไม่ใช่ปลูกปุ๊ปได้กินปั๊ปนะคะ แถมต้องลงทุนเดินมารดน้ำมันทุกวันอีก แต่พอมันโตแล้วก็มีผลให้กิน มีเม็ดให้เราเอาไปปลูกเพิ่มได้อีก แล้ววันนึงเราก็อาจจะมีสวนมะม่วงแบบที่เราฝันค่ะ

อ้อ ข้อสำคัญสุดๆๆๆๆๆๆๆ ก่อนซื้อเลยคือ "ถ้าเป็นเธอต้องมาใช้ชีวิตแบบผู้เช่าในคอนโดที่เธอจะลงทุน เธอจะอยากอยู่ไหม" แค่นี้แหละตอบทุกโจทย์

สุดท้ายละ แผนการลงทุนของอิฉันไม่ใช่ปล่อยเช่า Notting Hill 105 นะคะ 555 แต่เป็นการ Refinance The Base Park West แล้วเอาไปปล่อยเช่าเพราะมันหาผู้เช่าง่ายกว่า ได้ราคาดีกว่า แล้วกะเทยย้ายมาอยู่ Notting Hill 105 ค่ะ 555

คำเตือน : การลงทุนมีความเสี่ยง ควรอ่านหนังสือธรรมะก่อนการลงทุนทุกครั้ง T-T เตรียมใจไว้ปลง 555

คิววินมอไซค์ ยาวมากกกกกกกกกกกก

ที่ดินผืนใหญ่ให้พัฒนาอีกเพียบบบ

ร้านอาหารมีเยอะมากตลอดทาง

ป้าศุ เจ้าถื่นอยู่เยื้องๆ

ตลาดนี้คือตรงข้ามเลยค่ะ

ข้างเป็น Lotus Express, 7-11 และ Apartment

Clubhouse ด้านหน้า 3 ชั้น มี Lobby, Bar, Fitness, สระว่ายน้ำ

สวนยาวดีค่ะ

ใต้ตึก A และ B เป็น Co-working space

สวนดาดฟ้าทุกตึก (มันจะสวยมากเมื่อมีตึกสูงรายล้อมเยอะๆ ตอนกลางคืนน่าจะ feel แบบ นิวหยวก)

อีกฝั่งท้ายโครงการมีสตรีมและซาวน่าด้วย

สไตล์การตกแต่ง

Plan นี้แหละที่ข่อยชอบ

เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นลายไม้ได้หมด ยกเว้นฝูกกับโซฟาค่ะ ประหยัดค่าตกแต่งไปได้เยอะ

หน้าตาประตู ไม่แย่แต่ยังไม่สวย แนะนำให้เอาเส้นๆแนวนอนออก จะสวยแพงขึ้นเยอะ

ห้อง Pro เป็น Plan นี้ 1.69 มี 10 ห้องจับฉลากเอา 1.79 อีก 10 ห้อง จับฉลากเอา ราคาจริงคือ 1.89 +

2 ห้องนอน


Comments


bottom of page