top of page

‘BEARING’ Residential Hub แห่งใหม่ของเส้นสุขุมวิท

  • Sukrit Udom
  • Mar 1, 2018
  • 3 min read

ใครจำอ่อนนุชเมื่อ 7 ปีที่แล้วได้บ้างจ๊ะ?

สมัยนู้นนะเธอ อ่อนนุชถือว่าไกลมากกก ถ้าจะอยู่สุขุมวิทไกลสุดต้องแค่เอกมัยนะจ๊ะ

เจ้ยังจำสมัยมาจองคอนโดห้องแรกที่อ่อนนุชได้ โอ้ย! คอนโดห้องแรกคะเธอ ตื่นเต้นเวอร์ อิฉันลางานเช้ามาจองเป็นคนแรกๆของโครงการเลยมั้ง แถมตอนนั้นโครงการไม่อยู่ในกระแสเลยค่ะ แทบไม่มีคนสนใจเลย เจ้นี้จิ้มไปห้องไหนชั้นไหนก็ว่างหมดอะคะ จองเสร็จก็รีบมาอวดเพื่อน “แก! ฉันซื้อคอนแล้วน้า” อีเพื่อนก็ให้กำลังใจเวอร์ค่ะ “ไกลมาก ดีออก! จองไปได้ยังไงค้า?” อ้าว ก็ตอนนั้นเงินเดือนมันจองได้แค่นี้ นี้หว่า 555

ผ่านไปแค่ 1 ปีกว่าๆ (หลังขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ) โอ้ย! เธอขาคอนโดย่านนั้นปังดังเป็นพลุแตกเลยค่ะ ก็คอนโดใหม่ๆที่เพิ่งจะเปิดขายราคาแพงเวอร์ คนก็เลยแห่กลับมาหา Resale คอนโดราคาเก่าที่ยังสร้างไม่เสร็จกัน บวกกันได้เป็นแสนๆค่ะ พอกระแสมันมาคอนโดย่านอ่อนนุชก็ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดเลยค่ะ จนต้องมานั่งวิเคราะห์ว่าอะไรที่ทำให้มันปังได้ขนาดน้านนนนน

เอาจริงๆหลักการวิเคราะห์ของเจ้ก็ง่ายๆ คือคิดแบบใจเขา ใจเรา ใจคนอยู่ ใจคนพัฒนาที่ดิน (Dev)

ซึ่งคนอยู่กับ Dev ก็จะมีความต้องการที่แตกต่าง แต่สอดคล้องกันค่ะ

คนอยู่อยากได้อะไรค่ะ? ก็อยากได้ความอุดมสมบูรณ์ ของกินเยอะๆ หลากหลาย ไม่ใช่ตื่นมากินแต่ข้าว 7-11 ทุกวัน หรือในเวิ้งนั้นมีร้านตามสั่งอยู่ร้านเดียว เช้ากระเพราไก่ กลางวันกระเพราหมู เย็นกระเพราเนื้อ อันนี้ก็ไม่ไหวนะคะ แล้วก็อยากได้การ

เดินทางที่สะดวกค่ะ พอมาหลังๆเจ้สังเกตุว่าคนจะเริ่มเลือกสิ่งแวดล้อมดีๆมากขึ้นละ พวกที่มีส่วนกลางใหญ่ๆต้นไม้เยอะๆ Real Damend ดูจะ Love คงเพราะคนเริ่มย้ายจากบ้านมาอยู่คอนโดกันจริงจัง (จากสมัยก่อนที่มาอยู่แค่ จ-ศ แค่ไปทำงานสะดวกเฉยๆ เดี๋ยวนี้บ้านแพงเวอร์ เลยอยู่คอนโดยาวๆไปเลยละกัน)

ส่วน Dev ในที่นี้เราไม่ได้หมายถึงเฉพาะการสร้างคอนโดนะคะ Dev แต่เจ้หมายถึง ทุกคนที่ซื้อที่ดินมาแล้วมาพัฒนาค่ะ เช่น Avenue (เรียกแบบสวยๆ ความจริงคือ เวิ้งอาคารพาณิชย์ไรงี้), Community Mall, Super Market หรือว่าห้าง เธอต้องคิดในมุมธุรกิจค่ะว่าพวกนางอยากได้อะไร อย่างแรกเลยก็ Traffic ค่ะ ใครจะอยากมาเปิดห้าง เปิดร้าน มาแล้วร้างผีหลอกละคะ แล้ว Traffic จะมาจากไหนค่ะ? ก็มาจากคนอยู่อาศัยในย่านนั้นไง มันก็เลยย้อนกลับไปที่ว่า ถ้าแถวไหนมีคอนโดกระจุกตัวเยอะๆ พวก Dev ก็จะแอบมองเธออยู่นะจ๊ะ เพราะคนวัย 30+ ถึงเวลาเสาร์-อาทิตย์ ก็แอบขี้เกียจเข้าเมืองละคะ หาอะไรกิน หาอะไรทำแถวบ้านนี้แหละ (คนคอนโดฉัน ร้านข้าวห่างไป 50 เมตร ยังยอมโดนบวกเพิ่ม 10 บาทให้มาส่งที่ Lobby เลยค่ะ 555 ไม่งั้นพวก Food Panda, Line Man จะโตเอาๆมีเงินมาโฆษณาใน BTS แบบนี้รึ ค่าโฆษณาใน BTS แพงมากนะเธอ) แต่! มันไม่ใช่แค่ว่ามี Traffic อย่างเดียวจะรอดนะคะ มันก็ต้องคำนวนกลับมาที่ค่าต้นทุนที่ดินด้วย ไม่ใช่ว่าราคาที่ดินสูงลิ้ว และค่าเช่าสูงลิ้ว แล้วร้านอาหารจะขายราคาเบาๆเหมือนเดิม ตายสิค่ะคุณพี่ ฉะนั้นราคาที่ดินที่พวกนางไปลงทุนมาก็ต้องราคาเหมาะสมด้วยค่ะ

เอาละ เวิ้นเว้อ ลำไย มานานละ กลับมาเข้าเรื่องอ่อนนุชต่อค่ะ ซึ่งสมัยนั้นอ่อนนุชมันก็เป็นแบบที่เจ้โม้ไปทุกอย่างเลยค่ะ แต่เราต้องวิเคราะห์ให้ลึกว่านั้นค่ะ

1. อ่อนนุช เป็นถนน 4 เลน ทะลุ สุขุมวิท – ศรีนครรินทร์ สมัยก่อนจะมีรถไฟฟ้าปังมากค่ะ เพราะมีบ้านแนวราบเยอะไม่ไกลเมือง พอคนอยู่อาศัยกันเยอะมันก็เลยมีความเจริญตามมาเช่นพวก ตลาดสด supermarket ไรงี้

2. ราคาที่ดินยังไม่แพง สมัยนั้นเค้าแบ่งอ่อนนุชว่าเป็น Outter Sukhumvit แล้ว ราคามันจะไปแพงแบบ Inner Sukhumvit ได้ยังไงละเจ้าค่ะ มันก็เลยทำให้ที่ดินฝั่งอ่อนนุชราคาไม่แรง น่าลงทุนค่ะ

3. ที่ว่างผืนใหญ่เพียบ! หลายแปลงไม่ได้ทำไร ทิ้งไว้ปลูกป่าสวยๆ ซึ่งอันนี้เจ้ขอแอบสอนนิดนึงว่าเวลาเห็นที่ว่าง รกร้าง มากกว่า 1 ไร่ อย่ามาแบบ โอ้ย แย่ ไม่เจริญ ใครจะอยากมาอยู่ Hello! Wake Up ค่ะ (แล้วทำท่าดีดนิ้ว ส่ายหัวแบบหนังชนีเมกัน) เธอลืมไปหรือเปล่าว่าถ้าที่ดินมันมี Potential อนาคตที่ว่างเปล่ารกร้างมันจะเปลี่ยนเป็นคอนโดตัวใหม่ๆราคาแพงๆ มาดันราคาคอนโดเธอไง หรือจะมาเป็น Community Mall ก็ยิ่งมาเพิ่มความเจริญ แต่ก็ต้องดูให้เหมาะสมกับช่วงเวลาด้วยนะจ๊ะ ไม่ใช่ซื้อคอนโดเผื่อความเจริญล่วงหน้าเป็น 10 ปี

4. ชื่อเสียงของ Developer อันนี้เป็นอีกเรื่องนึงที่สำคัญนะคะ สังเกตุสิ เวลาคนซื้อคอนโด จำนวนไม่น้อยเลยนะที่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ ด้วยเหตุผลอันแสนสั้นง่ายได้ใจความว่า “ก็ชอบอะ” แน่นอนว่า Developer เจ้าใหญ่ Brand ดัง ย่อมน่าเชื่อถือกว่ามากค่ะ

5. เป็นพื้นที่รองรับตลาดเช่าของต่างชาติขนาดใหญ่ที่เป็นเสน่ห์ของเส้นสุขุมวิทเลยละจ๊ะ เพราะเป็นเส้นที่เต็มไปด้วยบริษัทฝรั่ง กระจุกตัวกันทำงานอยู่ย่านชิดลม – พร้อมพงษ์ แล้วไหนจะโรงเรียนนานาชาติที่มีเยอะมากในเส้นสุขุมวิท แล้วฝรั่งจะไปไหนเสีย ก็วนเวียนกันอยู่นี้แหละ ซึ่งก็กระจายตัวกันออกไปตาม Budget ซึ่งก็ขยายมาทาง Outter Sukhumvit เนี้ยแหละ แล้วอีกอย่างฝรั่งเค้าชอบอยู่กันเป็น Community ค่ะ อารมณ์แบบมีเพื่อน ดงนี้ถิ่นฝรั่งไรงี้

เจ้ค่ะ เจ้จั่วหัวเรื่องแบริ่ง มะช่ายหรอ ละงมอะไรอยู่อ่อนนุชค่ะ?

เพราะอ่อนนุชเป็น Case Study ที่ดีของแบริ่งจ้า แล้วทำไมต้องแบริ่ง ทำไมไม่ย่านอื่นอะ

ก็ตามหลักการพัฒนาของ Dev ที่เจ้บอกไปข้างบนไงค่ะ (บอกก่อนนะจ๊ะ ว่าย่าน Residential กับ ย่าน Business มันวิเคราะห์ไม่เหมือนกันนะ อันนี้เจ้เน้นย่าน Residential ค่ะ)

1. Traffic สูงๆ ซึ่งก็มาจากย่านชุมชนเก่า โดยจะสังเกตุได้จาก ซอยไหนที่เป็นซอยถนนตั้งแต่ 4 เลนขึ้นไป เชื่อมถนนใหญ่ 2 เส้น ก็จะมีแนวโน้มที่ดีมากกว่าเพราะมัน Draw Traffic ได้ทั้งคอนโดและแนวราบ (หมู่บ้าน)

2. ราคาที่ดินที่เหมาะสม อันนี้ไม่ต้องมานั่งไล่โทรถามราคาที่ดินหรอกค่ะ เพราะถ้าไม่รู้วิธีคำนวนก็จะไม่รู้อยู่ดีว่าทำคอนโดออกมาจะราคาตารางเมตรละเท่าไร เอาแบบง่ายๆ คือดูราคาคอนโดเปิดใหม่ย่านนั้นอะแหละ เธอก็ดูยาวไปเลยค่ะ ตั้งแต่บางจากยันอุดมสุข ราคาคอนโดต่อตารางเมตรมันกี่บาท แล้วลองเอามาเทียบกับอ่อนนุช (เทียบในระยะทางจาก BTS พอๆกันด้วยนะ ไม่ใช่เอาตัวติด BTS ไปเทียบกับตัวห่าง 750 เมตรไรงี้) ถ้าราคามันต่างกันไม่มาก ก็แปลว่าที่ดินมันแพง จะผลลัพธ์ก็คือราคาคอนโดต่อตารางเมตรจะค่อยข้างไม่แตกต่างกันมากยาวมาตลอด แล้วค่อยมา Drop ลงตรงแบริ่ง

3. การ Absorb ของตลาด แปลง่ายๆคือ มีคนซื้อไหม ซื้อในที่นี้เอาซื้ออยู่เองนะ ไม่ใช่ซื้อลงทุนเพื่อเอาไปขายใบจองต่อนะ วิธีคิดแบบง่ายๆ คือคิดถึงเงินเดือนคนทำงานประมาณไหนที่จะเริ่มซื้อคอนโดกัน เจ้ว่าถ้าคนโสด ก็ประมาณ 40,000 – 50,000+ สำหรับราคาประมาณ 2-3 ล้าน ทำไมนะหรอ ก็ 2 ล้านผ่อนแบงค์แบบไม่มีโปร ก็เดือนละ 14,000 ละคะ ถ้าเงินเดือนต่ำกว่า 4 เจ้ว่าไม่น่าจะพอกินนะคะ แต่อันนี้ก็แล้วแต่คนนะ บางคนอาจจะบ้านรวย พ่อแม่ช่วย Support ก็แล้วแต่บุญแล้วแต่กรรมค่ะ 555 แต่ส่วนมากแล้วตลาดที่ First Jobber Absorb กันเยอะคือพวกคอนโดราคาต่ำกว่า 3 ล้านลงมาค่ะ ซึ่งมันก็จะมาลงที่แบริ่งอยู่ดีแหละ (อย่าลืมว่า ใน 3 ล้านนี้ ยังมีเรื่องของขนาดห้องด้วยนะคะ เพราะคนอยู่จริงในช่วงราคานี้ส่วนมากชอบห้องขนาดประมาณ 30 ตารางเมตร +/- ค่ะ) นั้นก็คือประมาณตารางเมตรละ 100,000 +/- บาทค่ะ แล้วย่านแบริ่งนี้ก็มีการ Absorb ของตลาดอยู่ที่ 70-80% มาตลอดและกำลังโตขึ้นเรื่อยๆด้วย แปลว่า Trend มาเริ่มเทมาทางแบริ่งแล้ว

4. โอกาสในการเติบโต อันนี้มันต้องเล่นเกมส์กับ Timeline ละคะ เพราะถ้ามาเร็วไปก็แป๊ก มาช้าไปก็แพง แล้วทำไมเจ้ถึงแอบแน่ใจในแบริ่งละ ลอง google map คำว่า ‘คอนโด แบริ่ง’ ดูสิ

จะบอกว่า ที่เห็น Pin ไว้แดงๆนั้นอะ ไม่ครบด้วยนะจ๊ะ จริงๆมีอีกเยอะมาก เจ้ว่ารวมๆแล้วน่าจะประมาณ 30 คอนโดได้แล้วอะ แล้วจะมีทั้งหมดกี่ยูนิตละนั้น แต่เดี๋ยวก่อน! อย่างเพิ่งรีบด่วนสรุปว่า มีปริมาณผู้คนหนาแน่นแล้ว เพราะคอนโดพวกนี้หลายคอนโดยังเพิ่งเปิดขาย ยังสร้างไม่เสร็จค่ะ ฉะนั้นส่วนตัวเจ้ว่า อีกประมาณ 3 ปี ย่านนี้คนจะเยอะมากเพราะคอนโดสร้างเสร็จ คนย้ายเข้าอยู่จริง พอคนเยอะ Dev ก็มาลงทุนสร้างความเจริญตามมา แล้วอีกอย่างนะ ถ้ามาลองเดินสำรวจ จะเห็นว่าที่ดินว่างผืนใหญ่ๆเยอะมาก ขึ้นคอนโด ขึ้น Community Mall หรือทำ Avenue ได้สบายเลย (เอาจริงๆ เจ้ก็มามั่นใจตอนได้ยินข่าวลือ Summer Lasalle เมื่อปีที่แลวนี้แหละ ที่เป็น Mix Used ขนาด 61 ไร่ ที่มีทั้ง Office Campus นึกภาพแบบ Silicon Valley ขนาด mini อะ แล้วก็มี Hotel มี Retail มีสวน 20 ไร่ ที่จะเชื่อมยาวทะลุซอยสุขุมวิท 105 กับ 107) แล้วยังจะมีกฏหมายที่เก็บภาษีที่ดินว่างเปล่าอีก เลยจะเป็นการกระตุ้นให้เอาที่ดินออกมาทำประโยชน์กันรัวๆ

นอกจากเหตุผลล้านแปดที่โม้มาแล้ว แบริ่งยังมีโรงเรียนนานาชาติอีกถึง 3 แห่งคือ St. Andrews, Bangkok Pattana และ Thai Sikh International School เวลาไปเดินสำรวจย่านนี้เลยจะเห็นฝรั่งเยอะพอสมควร อีกทั้งย่านนี้ยังไม่ไกลจากแหล่งงานทั้งจากฝั่งสมุทรปราการอย่าง Toyota และ Honda สำนักงานใหญ่ และฝั่งในเมืองอย่างชิดลม – พร้อมพงษ์ ที่กำลังขยายตัวออกมาถึงย่านบางจาก บางนาด้วย

แล้วตรงไหนในแบริ่งละที่น่าซื้อ?

แน่นอนว่า คอนโด High Rise ย่อมน่าสนใจกว่าคอนโด Low Rise ซึ่งในย่านนี้ถ้าไม่ใช่ติดถนนสุขุมวิท ก็จะต้องเป็นซอยสุขุมวิท 107 อย่างแน่นอน เพราะเป็นถนน 4 เลน ขึ้นคอนโดสูงได้ ซึ่งเจ้จะพาไปสำรวจกันจ๊ะ แต่ก็อย่าลืมดูด้วยว่าเป็นคอนโดจาก Developer ที่มีชื่อเสียงน่าเชื่อถือหรือไม่

ลงจาก BTS แบริ่งแล้วเดินมาแค่ 180 เมตรก็จะถึงปากซอยสุขุมวิท 107 แล้วค่ะ

จะสังเกตุเห็นว่ามีที่ดินผืนใหญ่ๆเยอะมาก ติดถนนสุขุมวิทเลย สามารถพัฒนาเป็นอะไรเด็ดๆได้อีกเยอะมาก แค่ต้องรอเวลา

แม้ในปัจจุบันจะยังไม่ใช่ดงคอนโดขนาดใหญ่แบบอ่อนนุช แต่เราก็จะเห็นได้ว่ามีอาหารการกินตลอดทางเข้าซอยเลยคะ แสดงว่าต้องมี Traffic ในบริเวณนี้สูงพอควร ไม่งั้นเค้าไม่มาตั้งร้านกันหรอก อีกทั้งระหว่างทางที่เจ้เดินเข้าซอยไปนี้ เจอฝรั่งมากกว่า 10 คนได้ แสดงว่าเริ่มมีชาวต่างชาติมาเช่าอาศัยอยู่แถวนี้กันแล้ว

เวลาเราเห็นที่ดินว่างๆ มันแปลได้สองอย่างนะคะ น่ากลัว หรือ โอกาส แล้วแต่วิสัยทัศน์ของแต่ละคน

นี้ก็พัฒนาได้

เดินจากปากซอยเข้ามาแค่ 220 เมตร จะเจอที่ตั้งของโครงการ KnightsBridge Collage Sukhumvit 107 ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้

ฝั่งตรงข้ามก็เป็นที่ดินว่างสามารถพัฒนาได้

จะเห็นได้ว่า ย่านนี้มีคอนโดเปิดตัวเยอะมาก ก็อย่างที่เจ้อธิบายไปว่าราคามันได้ Demand Absorb ดี เพราะซื้อจริง โอนจริง อยู่จริง

ข้างในก็ยังมีที่ดินให้ขึ้นคอนโดได้อีกมาก เจ้มั่นใจว่าขึ้นได้อีกเป็น 10 คอนโด High Rise อะ ถึงตอนนั้นความเจริญจะมากขึ้นไหน

มี Retail น่ารักๆเกร๋ๆพร้อม เพราะตรงนี้มีหมู่บ้านที่พวกฝรั่งมาเช่าอยู่กันเยอะ (ใกล้โรงเรียนนานาชาติ)

อย่างที่เจ้บอกเสมอ พอมี Quality Traffic ที่ทำให้เกิดการพัฒนาของชุมชน ก็จะมีพวกร้านเกร๋ๆ โผล่ขึ้นมาค่ะ

จะเห็นได้ว่ามีปริมาณรถวิ่งเข้า-ออกเยอะมากตลอดเวลา แสดงให้เห็นถึง Traffic ในย่านนี้ รวมถึงชุมชนที่อยู่อาศัยแนวราบที่อยู่ข้างใน ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีของชุมชนและความเจริญ

จะเห็นได้ว่า แบริ่ง เป็นย่านที่มี Potential สูงมากที่จะพัฒนาขึ้นมาเป็น New Residential Hub ที่เป็นที่ต้องการของทั้งผู้อยู่อาศัยและผู้เช่าที่ต้องการทำเลที่ดี อุดมสมบูรณ์ เดินทางสะดวก ในราคาที่เหมาะสม เพราะมีพื้นฐานที่ดีและ Demand ที่แท้จริงโดยไม่ต้องพึ่งกระแสแต่อย่างใด

โครงการ KnightsBridge Collage Sukhumvit 107

โครงการ High Rise จาก Developer ระดับ Top 5 ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วนี้ บนทำเลศักยภาพ ที่เชื่อมต่อสู่ใจกลางเมืองอย่างสะดวก ไม่ต้องเปลี่ยนขบวน สู่ย่าน Business District และ Life Style ที่สำคัญของสุขุมวิท ในอนาคตยังจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและ Light Rail Transit วิ่งตรงสู่สนามบินสุวรรณภูมิ อีกทั้ง Bangkok Mall ศูนย์การค้าขนาดใหญ่บนที่ดินกว่า 100 ไร่ ซึ่งห่างไปเพียงแค่ 1 สถานีเท่านั้น

โครงการมีจำนวนห้องชุดเพียง 304 ยูนิตเท่านั้น และ 1 ร้านค้า ที่จอดรถแบบ Automatic Parking 42% และส่วนกลางขนาดใหญ่มากถึง 4 ชั้น ไม่ว่าจะเป็น Lobby, G Floor Garden, Kid Playground, Sky Garden บนชั้น 26, 27 และ Rooftop (พื้นที่สีเขียวรวม 948 ตรม.), Sky Swimming Pool, Pool Sunken, Co-working, Gym, Activity Space และ Sky Lounge ออกแบบมาใน Concept ‘Purity’ ความงดงามแห่งความเรียบง่ายแต่หรูหรทันสมัย อีกทั้งยังมีระบบ Home Automation มาให้ทุกห้อง

ราคาเริ่มต้นเพียง 2.9 ล้านบาทเท่านั้น

Pre Sale 25 - 26 สิงหาคมนี้ เปิดห้องตัวอย่างใหม่แบบ CONNECT 2 ห้องนอน 50 ตารางเมตร พร้อมสิทธิ์ที่จอดรถถึง 2 คัน!

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 020 300 000

Concept PURITY

ยูนิต 2404 และ 2405 เป็นยูนิตพิเศษแบบเพดานสูง

พิเศษกับห้องแบบ CONNECT แบบ 1 ห้องนอน สำหรับคนที่ชอบห้องหน้ากว้างและแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน แต่ได้สิทธิ์ที่จอดรถถึง 2 คัน!

และห้อง Connect แบบ 2 ห้องนอนที่ได้สิทธิ์ที่จอดรถ 2 คันเช่นกัน! (ห้อง 2 ห้องนอนแบบปกติที่โครงการขายหมดแล้วตอนนี้)


 
 
 

Comments


bottom of page