top of page

The Gentry Rama 9 - เพราะคิดต่าง ถึง success

  • Sukrit Udom
  • Mar 13, 2018
  • 4 min read

ก่อนจะเริ่มเนื้อหา เจ้มีคำถามให้ทายกันเล่นๆค่ะ (ไม่มีของรางวัลให้นะยะ 555)

พวกเธอคิดว่าบ้านราคา 30-50 ล้านบาท จำนวน 13 หลัง จะต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการขายจนหมดโครงการค่ะ?

สำหรับที่อื่นเจ้ ไม่รู้นะ แต่ที่ The Gentry Rama 9 นางขายหมดภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือนค้าาาา!

คือแบบ ทำได้ไงอ่ะ คนมีเงินมากขนาดนั้น จะซื้อบ้านที่ไหนก็ได้ แล้วทำไมที่นี้ถึงโดนใจขนาดจองบ้านกันในเวลาไม่ถึงเดือน

งานนี้เจ้โชคดีมากค่ะ เพราะนอกจากจะได้มาดูบ้านที่เรียกได้ว่า #คือดีย์มากกก แล้วยังได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้บริหารทั้งสองท่านของ SC ASSET อีกด้วย นั้นก็คือคุณเขม (ขวามือ) และคุณเป็ก (ซ้ายมือ - ตัวจริงหล่อมากกก)

แอบเม้าส์นิดนึง พี่เขม (หรือ 'คุณแม่') ท่านนี้คือ idol ของเจ้เลยนะ เพราะนางคือระดับตัวแม่ของวงการ Marketing อสังหาฯไทย (ถ้าเป็นวงการบันเทิงก็ต้องเป็น อั้ม พัชฯ เลยนะคะ) คนที่จะขึ้นมาถึงระดับบริหารขนาดนี้ได้ โดยเฉพาะ Gender ที่ต้องถูกตั้งคำถามเรื่องภาพลักษณ์แล้ว ความสามารถคือเครื่องพิสูจน์จริงๆค่ะ ยิ่งพอได้ฟังพี่เขมตอบคำถามแล้ว คือเริศมากกก #เจ้กราบค่ะ

1. อยากให้เม้าส์ถึงบ้านของ SC ในภาพกว้างๆค่ะ ตั้งแต่ re-branding เปลี่ยนไปยังไงบ้างค่ะ?

พี่เขม - "คือจริงๆแล้ว แกนของบ้าน SC ไม่ได้เปลี่ยนนะ เรายังทำบ้านเพื่อการอยู่อาศัยที่ทำให้ทุกวันสมบูรณ์แบบ ทำให้มีสังคมที่น่าอยู่ ทำให้มีคุณภาพ ทำให้มีชีวิตชีวามากขึ้น เหมือน Slogan 'For Good Mornings' ที่เราตั้งใจทำให้ทุกๆเช้าที่เค้าตื่นขึ้นมาแล้วมีพลัง พอกลับถึงบ้านก็ได้พักผ่อนจริงๆ ได้ชาร์ตพลังให้เต็มที่ พอออกไปนอกบ้านก็ไม่ต้อง worry อะไรแล้ว เราอยากให้มันมีชีวิตชีวา โดยจะเห็นว่าเรามีิกิจกรรมอันนึงที่เราพยายามลดระดับความสูงรั้วบ้านของลูกค้าลง และให้ลูกบ้านทำกิจกรรมร่วมกัน เพราะเราอยากให้เกิดเป็นสังคมที่เปิดเข้าไปรู้จักกันมากขึ้น เป็นสังคมที่น่าอยู่ ซึ่งลูกบ้านจะไม่ต้องกังวลเรื่อง Security เลยเพราะบ้านของ SC มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีมากและเพื่อนบ้านที่ดีเนี้ยแหละที่จะช่วยกันสอดส่องดูแลกันและกัน รวมถึงเรายังลงทุนทำ Research เพื่อให้เข้าใจลูกค้ามากขึ้น เลยจะเห็นว่าบ้านของ SC ที่ออกมาใหม่ๆ มันดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น เพราะเราออกแบบด้วยหลักการ Human Centric คือการให้ผู้อยู่อาศัยเป็นศูนย์กลางของการออกแบบ ฉะนั้นบ้านของ SC จะไม่ได้สร้างจากการไปดูว่าคู่แข่งทำอะไรยังไง แล้วก็ให้มากกว่าเจ้าอื่น เราไม่เคยมองว่าเราจะต้องชนะใคร บ้านของ SC จะไม่ไป Copy โครงการอื่นแล้วก็เอามาแปะลงใน Location ใหม่ แล้วก็เปลี่ยนแค่หน้าตาภายนอก แต่บ้านของ SC ในแต่ละ Segment ในแต่ละ Location จะต้องออกแบบขึ้นมาใหม่ให้เข้ากับคนที่อยู่อาศัยในย่านนั้นจริงๆ มันเป็นเหมือนงาน Craft ไม่ว่าจะเป็น Design, Concept, Layout ดูอย่าง The Gentry ที่สุขุมวิท 101 กับที่พระราม 9 เนี่ย จะเห็นเลยว่าไม่เหมือนกันเลยนะ เพราะเราเข้าใจว่าลูกค้าก็อยากได้ความแตกต่าง คนที่อยู่ใน Location นี้ ก็จะมี Passion มี Lifestyle ที่ไม่เหมือนย่านอื่น ซึ่งทั้งหมดก็จะมาจากการ Research, Big data และ Social Listening ที่เราเอามาใช้ในการออกแบบ เพื่อ Customize บ้านให้เข้ากับลูกค้า อย่างปีนี้ก็อาจจะได้ยินมาบ้าง ว่าเราก็พยายามมีแบบบ้านใหม่ๆ เช่น 'บ้านคนโสด' หรือ 'บ้าน Lady Look' ซึ่งก็ต้องรอติดตามกันต่อไปค่ะ"

เจ้ฟังคำตอบแล้วก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบ้านระดับ Luxury ของ SC ถึงเป็นเบอร์ 1

ชอบมากที่แบบ ไม่ต้องไปนั่งเปรียบเทียบกับคนอื่น แต่นางเลือกที่จะ Focus อยู่ที่ผู้อยู่อาศัยจริงๆ Product ก็เลยตอบโจทย์

ก่อนที่เจ้จะเข้าคำถามที่ 2 เจ้ขอแปะ video ตัว For Good Mornings ไว้ให้ดูกันก่อนนะคะ เผื่อใครนึกภาพไม่ออกค่ะ

2. แล้ว Brand The Gentry เป็นยังไงค่ะ ?

คุณเป็ก - "จริงๆ The Gentry เป็นการแตกมาจากบ้านใน Segment 'Grand Bangkok Boulevard' ครับ (เจ้ขอเรียกสั้นๆว่า Grand นะคะ) เราก็มานั่งคิดกันว่า ทำไมคนที่กำลังซื้อบ้านใน Segment Grand ทำไมถึงจะอยู่ใจกลางเมืองไม่ได้ ซึ่งปกติแล้วถ้าอยากจะอยู่ในทำเลกลางใจเมืองก็จะต้องซื้อเป็นคอนโดหรูเท่านั้น เราก็เลยอยากจะทลายกฏตรงนี้ทิ้ง ให้คนสามารถอยู่อาศัยในบ้านเดี่ยว ทำเลใจกลางเมืองได้ ก็เลยเกิดเป็น Segment The Gentry ขึ้นใหม่ ซึ่งความต้องการพวกนี้เราก็ได้มาจาก Data ที่ได้มาจากลูกค้า เราเลยมองหาทำเลที่เป็นบ้านในทำเลคอนโด และเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง ตอบโจทย์ Lifestyle คน Gen ใหม่ที่ประสบความสำเร็จ อย่างที่ The Gentry พระราม 9 เราก็ได้ที่ดินตรงแยกพระราม 9 - รามคำแหง ซึ่งในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มวิ่งผ่านหน้าโครงการเลย หรือลงไปแค่ 1 กิโลเมตรก็มี Airport Link ห่างจากทองหล่อแค่ 3.5 กิโลเมตรเท่านั้น ที่นี้ยังมีความพิเศษคือ พอไม่ได้อยู่ในรูปแบบโครงการ ก็ทำให้ลูกบ้านไม่มีภาระค่าส่วนกลาง ด้านหน้ายังมี Foodland ที่เปิด 24 ชั่วโมง และข้างในเป็นหมู่บ้านธารารมย์ที่เป็นหมู่บ้านที่นักธุรกิจอยู่กัน เลยทำให้เป็นทำเลที่ปลอดภัยแต่เงียบสงบร่มรื่น สามารถทำโครงการออกมาได้ในราคาที่สมเหตุสมผล

ทีนี้เราก็มาศึกษา Lifestyle ของคนกลุ่มนี้ ซึ่งก็ค่อนข้างจะฉีกกฏจากการเลือกซื้อบ้านทั่วไปที่ คือลูกค้าไม่ได้ Concern เรื่องพื้นที่ใช้สอยเป็นปัจจัยแรก แต่เป็นเรื่องของ Design และภาพลักษณ์ที่ลูกค้าเห็นแล้วรู้สึกว่าใช่ อย่างที่นี่จะเห็นได้ว่าเรายังคงให้พื้นที่ใช้สอยอย่างเต็มที่ (433 - 629 ตร.ม.) และมีพื้นที่ที่เป็น Double Living ถึง 2 จุด และมีพื้นที่ห้อง Living / Playing Room ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ Semi Outdoor Party Court ภายนอก ที่สามารถรองรับการจัดงานปาร์ตี้สังสรรค์ได้ อีกทั้งยังมีลิฟต์ให้ในบ้านด้วย ซึ่งก็ฉีกกฏว่าผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องนอนชั้นล่างเสมอไป ที่นี่ผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุสามารถขึ้นไปนอนหรือทำกิจกรรมต่างๆที่ชั้น 2 หรือ 3 ได้"

ทีนี้ก็ถึงเวลาไปดูบ้านของจริงกันแล้ว เย้ๆ

ความเริศที่ 1 ที่เจ้ชอบมากก็คือเรื่องทำเลค่ะ

ตัวโครงการเข้าไปในซอย รามคำแหง 9 แค่ 90 เมตร ซึ่งข้างๆโครงการก็คือ Dcondo รามคำแหง และ The Base รามคำแหง แถมหน้าซอยรามคำแหง 9 ยังมี Foodland อีกด้วย เดินไปเพียงแค่ 350 เมตร ก็มี The Mall รามคำแหง ที่กำลังสร้างใหม่ แบบยิ่งใหญ่กว่าเดิม กลายเป็น Mix Used ที่จะมีทั้ง Zone Retail และ Office ด้วยค่ะ ฝั่งตรงข้ามก็จะมีโครงการของ Major ที่จะเป็นทั้ง Condo และ Office Building อีกทั้งตรงหน้า The Mall ยังจะเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีรามคำแหง 12 ที่จะวิ่งเข้าสู่ยานธุรกิจอย่าง สถานีศูนย์วัฒนธรรม, ราชเทวี ยาวไปจนถึงโรงพยาบาลศิริราช ไปสิ้นสุดที่ตลิ่งชันอีกด้วย โครงการยังอยู่กึ่งกลางย่านธุรกิจที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น แยกพระราม 9 ย่านธุรกิจที่กำลังขยายตัวจากเส้นอโศกขึ้นไปทางถนนรัชดา ที่ห่างไปเพียงแค่ 4.5 กิโลเมตรเท่านั้น และ เส้นสุขุมวิท ที่ย่านธุรกิจกำลังขยายตัวจากพร้อมพงษ์ออกไปจนถึงบางนา-แบริ่ง ที่ห่างไปเพียงแค่ 4.3 กิโลเมตรเท่านั้น

จริงๆเรียกว่าโครงการอยู่ติด Foodland เลยดีกว่าค่ะ

ต้องยอมรับว่า เป็นถนนซอยที่สวยร่มรื่นแบบไม่น่าเชื่อ เลยทำให้บ้านของโครงการ The Gentry ทุกหลังสามารถ Take View ต้นไม้ใหญ่จากชั้น 2-3 ได้ค่ะ

พื้นที่จอดรถขนาดใหญ่ สามารถจอดรถได้ 4 คันตาม Plan บ้าน แต่จริงๆเจ้กับเพื่อนลองยืนส่องดู ยังจอดคันเล็กขวางได้อีก 1 คันด้วยคะ

สำหรับบ้านในโครงการนี้จะมี 2 แบบค่ะ คือแบบ L พื้นที่ใช้สอย 593-629 ตร.ม. และแบบ M พื้นที่ใช้สอย 433-449 ตร.ม. โดยบ้านตัวอย่างที่เราจะพาไปดูวันนี้เป็นแบบ L ค่ะ

โครงการเตรียมงานระบบรองรับ EV Charger มาให้ด้วยละ ซึ่งถ้าใครได้ติดตามดูข่าวจะเห็นว่ารถ EV มาแน่นอนค่ะ อย่าง Benz และ Bmw ก้มีแผนสร้างโรงงาน Battery ในไทยกันแล้ว

ห้องเก็บของลานจอดรถค่ะ

ประตูเข้าบ้านไม้สักขนาด oversize

บริเวณหน้าบ้านจะเป็น Foyer Hall ซึ่งมี Step เพื่อแบ่งเป็นบริเวณสำหรับพักเปลี่ยนรองเท้าค่ะ

โครงการวางระบบรักษาความปลอดภัยไว้ให้หลายจุดค่ะ ทั้งระบบ CCTV Sensor เป็นต้น

บริเวณนี้คือพื้นที่ของ 100 Shoes ที่ทางโครงการเขาภูมิใจนำเสนอมากว่า ลูกค้าสามารถเก็บรองเท้าได้มากถึง 100 คู่

พอเดินเข้ามาในส่วนของ Living Area จะปูด้วยกระเบื้อง Cotto Italia ลายหินอ่อนค่ะ ข้อดีก็คือจะทำให้บ้านเย็นสบาย และยิ่งเจอกับเพดานสูง 7.2 เมตร ที่ตามหลักฟิสิกส์แล้ว อากาศร้อนจะลอยตัวขึ้นข้างบน ทำให้อุณภูมิส่วน Living เย็นสบายกว่าอย่างมีนัยสำคัญค่ะ (ถ้าไม่เชื่อเจ้ อ่าน Research ได้ตามนี้ link นี้เลยจ้า

Click)

บริเวณ Living Room ที่เป็นพื้นที่เปิดเพดานสูง 7.2 เมตร ส่วนบริเวณอื่นในชั้น 1 จะอยู่ที่ 3.2 เมตรค่ะ ถือได้ว่าเป็น Spec ที่สูงมาก

ซึ่งเพดานสูงเนี้ยยังส่งผลต่อการทำงานของสมองในด้านบวกด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรู้สึกอิสระ ทัศนคติด้านบวก การมองเห็น การวางแผน การตัดสินใจเป็นต้น

(Reference: www.fastcodesign.com/3043041/why-our-brains-love-high-ceilings)

อีกส่วนนึงที่น่าประทับใจมากคือแม้ว่าเพดานจะสูงมาก แต่ทางโครงการยังให้หน้าต่างขนาดใหญ่มาก ดูอย่างบานเลื่อนทั้งบริเวณ Living Room และ Dining Room จะเป็นบานเลื่อนแบบ 2 บานเท่านั้น ซึ่งจะต้องใช้กระจกขนาดใหญ่พิเศษกว่าปกติซึ่งก็จะมีราคาที่สูงตามขึ้นมาด้วยค่ะ แถมยังทำให้ Take View สวนได้แบบเต็มตามาก

ภายในบ้านจะมี ระบบสัญญาณกันขโมยแบบ Shock Sensor & Magnetic อยู่เกือบทุกจุดที่เป็นทางเข้าออกและหน้าต่าง ซึ่งจะแสดงผลทั้งบนหน้าจอในบ้านและบน Smart Phone คะ

สระนี้ บ้านจริงให้มาด้วยนะคะ

มี Jacuzzi ด้วยอะ Hiso

มาดู Kitchen Room กันบ้างค่ะ

ประตูหลังบ้านนี้ก็เป็นประตูไม้สักเช่นกันค่ะ และเชื่อมต่อออกไปสู่ห้องพักแม่บ้านและลานซักล้าง

ห้องน้ำแขก ให้สุขภัณฑ์ของ American Standard แบบ washlet ด้วยนะคะ

แอบเม้าส์นิดนึงว่า ทีนี้จะไม่ได้ยึดติดกับ Brand ใด Brand หนึ่งนะคะ แต่จะเลือกของที่ทั้งคุณภาพดีและมี Design ที่เข้ากับโครงการมาใช้ค่ะ อย่างตัวอ่างล้างมือก็จะเป็นของ Kohler และ ก๊อกน้ำของ Grohe ค่ะ พอร์ซเลนที่ใช้กรุผนังและพื้นห้องน้ำก็จะเป็นของ Cotto ที่มีความพิเศษที่ลายหินจะดูเป็นธรรมชาติ ไม่ได้เห็นเป็น Printed Dot และลายจะไม่ซ้ำกันเลยภายใน 40,000 แผ่นที่ผลิต จึงทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากค่ะ ซึ่งแม้ว่ามันจะเป็นพอร์ซเลนแต่ขอบอกเลยว่า ราคาก็ไม่ได้แพ้หินอ่อนเท่าไรเลยนะคะ ต่างกันไม่เยอะอะ อย่างที่ The Gentry พระราม 9 เลือกใช้ Size ใหญ่พิเศษด้วย (สาเหตุที่ไม่ได้ให้เป็นหินอ่อนเพราะดูแลรักษายากค่ะ)

บริเวณชั้น 1 จะยังมีห้องอเนกประสงค์อีกห้องนึงค่ะ ซึ่งจะทำเป็นห้องพักผู้สูงอายุ ห้องนอน Guest หรือแบบบ้านตัวอย่างที่ทำเป็นห้องในฝันของคุณสาวๆ อย่างห้องเก็บกระเป๋าหรือรองเท้าขนาดใหญ่สำหรับคุณผู้หญิงก็ได้ แต่สิ่งที่อยากให้ดูอีกจุดคือวัสดุที่ใช้ในห้องนี้เป็น Engineering Wood Floor ค่ะ (หน้าไม้จริง) ซึ่งจะใช้กันในคอนโดระดับ Super Luxury เท่านั้น ยิ่งโครงการแนวราบนี้ยิ่งหายากค่ะ ที่จะให้ Engineering Wood เพราะต้นทุนสูงมากกก

ชีวิตจริงมีห้องแบบนี้สักห้องจะกรี๊ดดดดดดมาก แต่เจ้มีรองเท้าอยู่ 4-5 คู่เองนะ 5555

อย่างสุขภัณฑ์ในห้องน้ำตัวนี้ ดูเฉยๆอาจจะไม่รู้ว่ามันพิเศษยังไง แต่ต้องขอขอบคุณ คุณตั้ม จากเพจ Propcons เจ้าพ่อแห้งวงการสุขภัณฑ์ที่อธิบายให้ฟังว่า รุ่นนี้จะแพงกว่ารุ่นปกติทั่วไป เพราะด้วย Design ที่บริเวณฐานไม่มีช่องหลืบ สวยงามและทำความสะอาดง่าย แผ่นรองนั่งที่บาง ไม่บาดหลังเวลานั่งพิง และนั่งสบายกว่า ต้องถือว่าเป็นรายละเอียดเล็กน้อยที่โครงการก็ใส่ใจเลือกมาให้ค่ะ

รูปนี้จะเห็นชัดมากว่า พอร์ซเลนที่ผนังเป็นขนาดใหญ่พิเศษมาก อีกทั้งลายของพอร์ซเลนในแต่ละห้องจะไม่เหมือนกันอีกด้วย เพื่อให้เหมาะสมแก่ผู้ใช้งาน อย่างห้องอเนกประสงค์นี้ ที่อาจจะเป็นห้องนอนผู้สูงอายุ หรือห้อง Guest ก็จะเลือกใช้สีที่เป็น Unisex และดูภูมิฐาน สะอาด อบอุ่นค่ะ (คือเห็นเลยว่าใส่ใจมากจริงๆ)

บ้านทุกหลังจะมีลิฟต์ของ Mitsubishi ที่รองรับผู้ใช้วีลแชร์และรับน้ำหนักได้มากถึง 250 Kg.

ภายในลิฟต์ยังมีอุปกรณ์ผยุงตัวและโทรศัพท์ด้วย

บันไดเป็นไม้จริงทั้งหมดค่ะ แถมกว้างสามารถเดินสวนกันได้สบายๆ (ปกติบันไดบ้านทั่วไป จะเดินได้แค่คนเดียว) อีกทั้งความกว้างของแผ่นลูกนอนก็กว้างเต็มเท้า (ขนาดเท้าเจ้ใหญ่มากนะ เบอร์ 42-43 อะ)

ขึ้นมาที่ชั้น 2 ค่ะ เพดานสูง 3 เมตรเลยนะคะ

จากชั้นสอง มองลงไปที่ Living Area จะได้วิวที่สวยมากๆค่ะ อีกความฉลาดนึงที่เจ้ชอบมากคือเรื่องของการ สร้าง View สวยขึ้นมาให้กับ Space กลางเมืองที่มีจำกัด หลายๆโครงการเลือกที่จะสร้างบ้านแบบเต็มพื้นที่ แล้วสิ่งที่ลูกบ้านได้ คือวิวกำแพงระยะประชิด เวลาเจ้เข้าไปเจอโครงการแบบนี้ เจ้จะแบบ Hello! บ้านหลักหลายสิบล้าน ได้วิวแบบนี้หรอ ไหวป่ะ!? แต่ที่ The Gentry พระราม 9 นี้วาง Layout บ้านได้ฉลาดมาก ทำให้เกือบทุกห้องได้วิวที่สวยมากจริงๆ ไม่เชื่อตามดูกันไปค่ะ

บริเวณนี้จะเป็นอีกหนึ่งห้องอเนกประสงค์ค่ะ ซึ่งเค้าจัดมาเป็น Family Area ให้ดู หรือถ้าเป็นบ้านสไตล์วัยรุ่นหน่อย ก็อาจจะเป็นมุมสังสรรค์ Party เพราะเชื่อมต่อกับพื้นที่ Semi Outdoor Party Court ขนาดใหญ่ ที่วิวสวยทั้งสองฝั่งเลยค่ะ

บริเวณนี้จะเชื่อมต่อกันด้วยบานเลื่อนขนาดใหญ่ 3 ตอน ที่สามารถเลื่อนเปิดให้เชื่อมต่อกันได้แบบรูปต่อไปค่ะ

จำถนนหน้าบ้านได้ไหมค่ะ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ยาวตลอดแนว ทำให้บ้านชั้น 2-3 สามารถ Take View สีเขียวร่มรื่นจากถนนหน้าบ้านได้ค่ะ แถมยังไม่รู้สึกโป๊อีกด้วยเพราะอยู่สูงกว่าระดับคนเดิน

หน้าบ้านก็วิวสวย หลังบ้านก็วิวสวย

พื้นที่ Outdoor นี้ก็เป็นอีกจุดนึงที่เพดานสูงถึง 7.2 เมตร ส่วนระแนงด้านขวามือช่วยสร้างความ Private ให้กับบริเวณนี้ แต่ก็สามารถเลือกเปิดเพื่อรับวิวที่ร่มรื่นจากหน้าบ้านได้ค่ะ

บริเวณนี้ยัง Take View สวนและสระด้านล่างได้ด้วย

แม้จะเป็นชั้น 2 แต่ก็ยังมีห้องน้ำรับแขกมาให้ด้วย เพราะรู้ว่าลูกค้าอาจจะใช้ Party หรือต้องรับแขก ถือว่าคิดเผื่อลูกค้ามาแล้วอย่างดีค่ะ

บนชั้น 2 ยังมีห้องนอนอีก 2 ห้องค่ะ

บริเวณนี้เป็นส่วนของ Laundry Area สำหรับซักผ้าและอบผ้า เพื่อรองรับการใช้งานให้กับสมาชิกภายในบ้านอีกจุดหนึ่งนอกเหนือไปจากบริเวณชั้น 1

อันนี้ข้างบ้าน เป็นแบบ Size M ขนาดพื้นที่ 433-449 ตร.ม. ค่ะ

มาดูชั้น 3 กันต่อค่ะ บนนี้จะมีห้องนอน 2 ห้องและมีห้อง Master Bedroom ที่สวยมากๆด้วยค่ะ

Master Bedroom จะมีระเบียงส่วนตัวที่สามารถ Take View ได้ตั้งแต่ชั้น 3 จนมองลงไปจนเห็นสระว่ายน้ำและส่วนที่ชั้น 1 ได้

อ่างอาบน้ำของ Bathroom Design แบบมีหัวพ่นน้ำนวดตัวด้วย ราคาน่าจะหลักแสนนะ

สุขภัณฑ์ชุดนี้ของ villeroy & boch ท่านผู้รู้บอกมาว่าสิริรวมแล้ว ราคาหน้าร้านขายอยู่ประมาณ 1 แสนบาทถ้วนค้าาาา!

มุมนี้ยังสามารถทำเป็นห้องพระได้อีกด้วย

มีมุม mini bar ด้วยค่ะ ไม่ต้องเดินลงไปถึงข้างล่างค่ะ

สรุป

คือชอบเกือบทุกอย่างจริงๆค่ะ ตั้งแต่

-การ Craft บ้านขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เข้ากับ Lifestyle ของลูกค้า

-หาที่ดินได้ Perfect มาก ทั้งทำเลดี เงียบสงบ และวิวยังสวยแม้กระทั้งวิวถนนหน้าบ้านงะ

-Spec ที่ให้ดีในระดับ Condo Super Luxury เลยค่ะ ซึ่งปกติแล้วสินค้าประเภทบ้านแนวราบจะให้ Spec ที่ต่ำกว่าคอนโดมาก แต่ที่นี้ไม่มีการลด Spec เลย

-การวาง Layout ที่ฉลาด สร้างวิวให้ห้องต่างๆในบ้าน

-บ้านมีความโดดเด่น เท่ คือแบบใครซื้อบ้านแบบนี้ก็ภูมิใจอะ อวดได้แบบไม่มีอะไรให้ติเลยจริงๆ

เจ้เองก็มีโอกาสได้ไปดูบ้านระดับ Super Luxury มาหลายโครงการนะคะ แต่พูดจริงๆว่าประทับใจที่นี้มากสุด มันดู Perfect สำหรับคน Gen เราไปสะหมดทุกอย่าง ไม่ใหญ่เวอร์จนรู้สึก โหว่งเหวง ไม่แข็งกระด้าง รู้สึกเท่แต่อบอุ่น มันจะไม่ Perfect อย่างเดียวคือเห็นแล้วอยากได้ แต่ไม่มีตังค์ค้าาาา 555

แม้ว่าโครงการจะ Sold Out ไปแล้วภายในเวลาเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น แต่สำหรับใครที่ชอบบ้านระดับ Luxury ใน Concept ใหม่ที่มีทำเลใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า Brand The Gentry ยังมีอีก 2 โครงการใหม่

The Gentry Sukhumvit 101 ที่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ปุณณวิีถีแค่ 1.5 กิโลเมตรเท่านั้น และใกล้ทางขึ้น-ลงทางด่วน รวมถึงย่านธุรกิจฝั่งสุขุมวิทที่กำลังขยายตัวออกมาโดยจะเห็นได้จากอาคารสำนักงานที่เริ่มขยายมาจนถึง บางจาก ปุณณวิถี บางนา แบริ่งแล้ว รวมถึงเลยทางฝั่งสมุทรปราการก็ยังเป็นย่านอุตสากรรมขนาดใหญ่ที่กำลังเติบโตอีกด้วย

และเร็วๆนี้กับ The Gentry เอกมัย - ลาดพร้าว ย่านธุรกิจ Start Up และ SME อันโด่งดังสำหรับ Young Successor

สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมที่

https://www.scasset.com/th/house/the-gentry-sukhumvit

โทร 1749


 
 
 

Comments


bottom of page