มาสร้างแรงบันดาลใจจากคน Millennial ที่มีพลังเปลี่ยนโลก

พวกเธอยังจำหนังเรื่องแรกที่ดูได้มะ

เอาจริงๆเจ้ก็ไม่ค่อยแน่ใจนะ แต่ของเจ้น่าจะเป็นเรื่อง Babe ปี 1995 โดยเฉพาะฉากจบ 6 นาทีสุดท้าย

แล้วหลังจากนั้นเจ้ก็โตมากับหนังอีกหลายเรื่อง (ลืมบอก เจ้เกิด 1985 นะ) อย่างพวก X-men (กับประโยคเด็ด "Mutant and proud"), Cast Away, Mission Impossible, Forrest Gump, The Terminal, The Pursuit of Happyness, The little mermaid, Mulan, Tangled, Moana (List ของเจ้ มันก็จะม่ีความตุ๊ดๆ นิดนึงนะ อิอิอิ) หรือแม้แต่ซีรี่ย์ดังที่แทบจะเป็นเหมือน Bible ของการเป็นผู้หญิง (มโนว่าตัวเองเป็นผู้หญิงบ้างไรบ้าง) อย่าง Sex and the City

แม้ว่า List หนังของพวกเธอคงจะไม่เหมือนกับเจ้ แต่เจ้เชื่อว่า ตัวกำลังพฤติกรรมเราก็คือหนังหรือเพลงที่เราดูและฟังกันมาตั้งแต่เด็กแหละ ซึ่ง Key Massage ที่ซ่อนอยู่ในหนังแต่ละเรื่องในยุคพวกเราก็คงจะไม่ต่างกันมาก มันก็จะออกแนวแบบ ทำตามความฝัน เชื่อมั่นในตัวเอง แม้ว่าทุกคนจะบอกว่าความคิดนั้นมันโง่มากก็ตาม

การที่เรานิยาม 'ความสำเร็จ' ต่างจากคน Gen ก่อนๆ อาจะทำให้เราดูเหมือนคนทำตัวนอกรีด ผิดแปลก จนบางครั้งก็ทำให้เกิดคำถามมากมาย โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่ไม่ชอบอะไรที่ผิดแปลกไปจากขนบเดิมๆ จนเกิดเป็นคำสบประมาทว่า ทำไมเด็กสมัยใหม่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ไม่อดทน ทำไมขี้เกียจ สนใจแต่เรื่องของตัวเอง!

หรือแม้แต่นิตยสาร Time ยังเคยขึ้นปกในปี 2013

The ME ME ME Generation (Gen ที่สนใจแต่ตัวเอง)

Millennials are lazy, entitled narcissists who still live with their parents (ขี้เกียจ หลงตัวเอง แถมยังเกาะพ่อแม่อยู่)

Why they'll save us all (แต่พวกนางจะช่วยมนุษยชาติ - แปลแบบเวอร์ๆ 555)

รูปจาก Time.com

ถ้าจะมองข้อดีของคน Millennials เจ้มองว่าเป็นคน Gen ที่ 'ยอมรับในความต่าง (อย่างมีสาระ)' ได้ดี

เราทุกคนจะมีปมด้อยค่ะ มีเรื่องที่เราไม่อยากบอกใคร ไม่อยากเปิดเผย

แต่ถ้าจะมองลองในมุมกลับ มองวิกฤตให้เป็นโอกาส

ปมด้อยนี่แหละ คือข้อได้เปรียบที่โดดเด่นที่สุด ที่จะแสดงให้คนอื่นเห็นที่ความสามารถที่แท้จริงของเรา

วันนี้เจ้เลยอยากจะพามาร่วมยินดี กับความสำเร็จของคน Millennials, Generation ที่มีพลังเปลี่ยนโลกกันค่ะ

คนแรกที่อยากให้รู้จัก

Winnie Harlow นางแบบที่มีอาการสีผิวเป็นด่างขาวที่เรียกว่า Vitiligo ผู้หญิงคนนี้เป็นที่รู้จักจากการประกวด America's Next Top Model ลองคิดถึงผู้หญิงสักคนที่สีผิวที่ผิดปกติ และต้องถูกล้อตั้งแต่เด็กยันโต แต่เธอก็เลือกที่จะก้าวข้ามปมด้อยและใช้มันเป็นจุดเด่นของเธอ เลือกที่จะแสดงความสามารถที่แท้จริงให้คนได้เห็น และปัจจุบันเธอได้กลายเป็นนางแบบชื่อดังระดับโลกไปแล้ว

รูปจาก lofficielitalia.com

คนที่สองนี้เจ้ปลื้มมากกก Misty Copeland หญิงสาวผู้มีฐานะไม่ดี ผู้พลิกโฉมวงการ Ballet ของอเมริกา

เรื่องราวของเธอเริ่มต้นเมื่อตอนอายุ 13 ด้วยการเริ่มต้นจากการถูกปฏิเสธในการเข้าเข้าเรียนโรงเรียน Ballet เพราะแก่เกินไป และมีสรีระที่ไม่สวยงาม ไม่เหมาะสำหรับ Ballet เป็นใครหลายคนเจอแบบนี้เข้าไปก็คงถอดใจไปแล้ว แต่ไม่ใช่กับเธอ

ปัจจุบันเธอคือความฝันของนัก Ballet ทั่วโลกที่ได้เต้นใน American Ballet Theater และเธอเป็นผู้หญิง African-American คนแรกในรอบ 75 ปีของ American Ballet Theater ที่ได้ Promote ให้เต้นในระดับ Principal Dancer หรือระดับสูงสุดของวงการ Ballet ในปี 2015

เธอยังได้ขึ้นปกนิตยสาร TIME และถูกจัดให้อยู่ใน The 100 Most Influential People in the World อีกด้วย

บัลเลย์คือที่สำหรับคนขาวหรอ? ต้องมีรูปร่างบอบบาง อ้อนแอ้น หรอ? ผู้หญิงคนนี้ได้พิสูจน์ให้คนทั้งโลกได้เห็นแล้วค่ะ

รูปจาก Time.com

ข้ามมาที่ตัวอย่างใกล้ตัวเรากันบ้าง ปรากฏการณ์ที่สั่นสะเทือน Social Media บ้านเรามากที่สุดเมื่อหลายปีก่อน อย่างแม่บ้านมีหนวด

นางได้พิสูจน์ให้คนไทยทั้งประเทศได้เห็นถึงความสามารถที่แท้จริง และการก้าวข้ามคำด่าและดูถูก จนปัจจุบันกลายเป็น Net Idol ที่มีคนติดตามมากกว่า 7 แสนคน และอนาคตที่สดใสในวงการแฟชั่นแน่นอน

หรือมิ้นท์ I Roam Alone ผู้หญิงเก่งที่ก้าวข้ามกรอบบรรทัดฐานของคนไทย ว่าผู้หญิงไม่ควรไปไหนมาไหนคนเดียว จนปัจจุบันเธอเดินทางมาแล้วกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนออกไปดูโลกกว้าง

ATTITUDE IS EVERYTHING - ทัศนะคติเท่านั้นที่จะทำให้เราก้าวข้าวกำแพงที่ขังตัวเราไว้ได้ค่ะ

นอกจากข้อดีของคน Millennials ที่ยอมรับในความต่างแล้ว คน Gen นี้ยังมีอีกข้อดีนึงค่ะ คือชอบ Share แชร์กันสะจนเปลี่ยนพฤติกรรมคนทั้งโลก เกิดเป็น Digital Disruption

Millennial คนแรกที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือพี่ Mark Zuckerberg ผู้เปลี่ยนแปลงสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีอายุมากว่า 4,000 ปีให้กลายเป็นการ Slide ผ่านหน้าจอมือถือ แม้ว่าหลายคนจะโจมตีว่ามันคือสังคมก้มหน้า แต่เจ้กลับมองว่า มันแล้วแต่การเลือกใช้ป่ะ เราอาจเห็นเด็กหญิงบางคนบน BTS ก้มหน้าดู video สอนการแต่งหน้าที่แชร์อยู่ใน Facebook แล้วคิดเอาเองว่า ไร้สาระจัง ทำไมเด็กสมัยนี้สนใจแต่เรื่องเปลือกภายนอก ทำไมไม่ไปอ่านหนังสือ แก่แดดจริง แต่ความจริงแล้วเค้าอาจจะกำลังศึกษาเทคนิคการแต่งหน้าเพื่อพัฒนาตัวเอง เพราะฝันว่าสักวันจะได้เป็น Beauty Blogger หรือช่างแต่งหน้าชื่อดังที่มีผลงานระดับโลกก็ได้

Anthony Tan, Co-founder ของ Grab ที่ทำให้การเดินทางในเมืองเป็นเรื่องง่ายขึ้นเยอะ, Hu Weiwei ที่พูดไปหลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อผู้หญิงเก่งคนนี้ แต่ถ้าใครไปเมืองจีนจะเจอกับ Mobike (ม.เกษตร ก็มีนะ 555) จะเห็นบริการให้ยืมจักรยานผ่าน Application บนมือถือที่นิยมมากกก และกำลังเป็น Start Up ดาวร่งที่กำลังกระจายไปทั่วโลก รวมถึง 3 หนุ่มหล่อ Brian Chesky, Joe Gebbia, Nathan Blecharczyk ผู้ก่อตั้ง Airbnb, Sharing Economy เขย่าโลกที่แทบไม่มีใครไม่รู้จัก หรือ Page Ar-pae ผู้คลั่งไคล้ในการท่องเที่ยว และชอบ Share Promotion สายการบิน จนกลายเป็นแหล่งรวม Promotion ท่องเที่ยวที่คนเมืองต้องกดติดตาม รวมถึงการผันตัวมาเป็น Online Travel Agency ได้อย่างน่าทึ่ง

เจ้ว่าเสน่ห์ของ Sharing Economy มันทำให้เราได้สื่อสารกันมากขึ้น เรียนรู้กันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น เจ้อยากจะเล่าให้เหตุการณ์นึงให้ฟังว่าเจ้เป็นคนที่ใช้ Grab บ่อยมาก แล้วถ้าเจอคนขับที่หน้าตาดูเป็นวัยเดียวกัน เจ้ก็จะชอบชวนเค้าคุย (เรื่องเผือกขอให้บอก 555) มีอยู่วันนึงเจ้ก็เม้ากับคนขับตามปกติแล้ว ปรากฏว่านางเพิ่งออกจากงาน มาขับ Grab เต็มตัว ก็เลยเม้ากันเรื่องรายได้ว่าเป็นยังไง มันอยู่ได้ไหม ปรากฏว่านางฉลาดมากกก คือเวลานางเจอฝรั่งนางจะถามก่อนว่า เค้ามาทำอะไร มานานไหม อยากไปเที่ยวไหน แล้วก็เสนอ Package เที่ยว เป็น Private Guide ให้ (นางจบประวัติศาสตร์มา) ซึ่งขอบอกเลยว่ารายได้จาก Package Private Tour ของนางเงินดีมากกก ซึ่งถ้าเจ้ไม่ได้ใช้พวก Share Economy เจ้ก็คงจะไม่ได้คุยกับคน Gen เดียวกัน ที่เข้าใจกัน แล้วเกิดการแชร์ idea ใหม่ๆให้เราเอาไปต่อยอดได้

คงเหมือนที่ใครหลายๆคนบอกว่า Connection มันสำคัญมากกก ยิ่งโตเจ้ก็ยิ่งเห็นด้วย มันไม่ใช่เรื่องของการใช้เส้นสายหรอกนะ แต่มันเป็นการเปิดโลกให้เราได้เจอคนใหม่ๆ เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ได้เพื่อน ได้ประสบการณ์ ก่อนจบบทความนี้ เจ้อยากให้ทุกคนลองออกจากกรอบเดิมๆ ออกไปนอกบ้าน ไปหา Community ใหม่ๆ ไปเจอคนใหม่ๆในสังคมที่มีแต่คน Active ไม่แน่นะ วันนึงเธออาจจะเป็น Millennial อีกคนที่เปลี่ยนโลกก็ได้