ทำไมซื้อบ้านกี่ครั้ง ก็ยังต้อง 'แสนสิริ'
- Sukrit Udom
- Sep 19, 2018
- 3 min read

"บ้าน ก็เหมือนคู่ชีวิต รู้จักเค้าให้ลึก ก่อนคิดจะร่วมชีวิต"
สมัยนี้เนอะ ซื้อบ้านสักหลังต้องคิดแล้วคิดอีกจนแทบจะตีลังกากลับหัวคิด นอกจากราคาจะสูงแล้ว ยังมีปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่นตอบโจทย์ Lifestyle เราไหม บริการหลังการขายจะเป็นยังไง อยู่แล้วจะปลอดภัยหรือเปล่า แล้วมันก็เหมือนเป็นหน้าเป็นตาของเรานะ เราก็อยากจะรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของบ้านหรือคอนโดนั้น
และที่เจ้บอกว่า บ้าน ก็เหมือนคู่ชีวิต เพราะมันไม่ใช่สินค้าที่ซื้อแล้วใช้แค่ไม่กี่ชั่วโมง ไม่กี่นาที ไม่กี่วัน แล้วก็ทิ้งหรือหมดไปนะ แต่เราต้องอยู่ในบ้านหลังนั้นไปอีกเป็นปี หรือบางคนอาจจะอยู่ตลอดทั้งชีวิตที่เหลือแล้วยังส่งต่อให้ลูกหลานอีกด้วย ฉะนั้น บ้าน ไม่ใช่ของที่จะคิดแบบสั้น ๆ แล้วตัดสินใจรูดจอง รูดซื้อ กันได้ง่าย ๆ แล้วก็บอกตัวเองว่า บ้านที่ไหนก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ
ถ้าจะถามเจ้นะ ว่ามีหลักการในการเลือกซื้อบ้านยังไง เจ้เลือก Brand ก่อนเลยค่ะ รองลงมาก็ Location แล้วก็ดูว่า Product นั้นตรงกับ Lifestyle เราไหม
ทำไมต้องเลือก Brand ก่อนนะหรอ ก็เจ้มอง Brand อสังหาฯ เป็นเหมือนคนที่เรากำลังจะคบด้วยนะ คนทุกคนก็เคยทำผิดทำพลาดแหละ แต่เค้าทำผิดพลาดแล้วเค้าแก้ไขไหม รับผิดชอบต่อความผิดพลาดของตัวเองแค่ไหน เธออยากจะคบกับคนที่ทำผิดเรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ไหมอ่ะ หรือคบไปแล้วก็มีคนมาบ่นให้เธอฟังเรื่อย ๆ ว่าคนที่เธอคบอยู่แย่ยังไงบ้าง หรือเธออยากจะคบคนที่มีคนพูดถึงในทางที่ดีมากกว่าเสีย รู้จักแก้ไข ปรับปรุงตัว มีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองทำ แน่นอนทุกคนก็ต้องเลือกแบบหลังใช่ม่ะ
นั้นก็คือพฤติกรรมของ Brand ที่เราจะเลือกนั้นแหละ ว่าเค้าจะปฏิบัติกับเรายังไง หลังจากที่เรากลายเป็นลูกค้าเค้าแล้ว
ส่วนตัวเจ้ ตั้งแต่ตอนซื้อคอนโดห้องแรกของแสนสิริ ก็ผ่านมากว่า 6 ปีแล้ว โดยรวมคือประทับใจมากๆ จนวันนี้ที่เจ้เริ่มต้องการบ้านใหม่ที่มีพื้นที่มากขึ้น แสนสิริ ก็คือคำตอบที่ใช่มากที่สุด เพราะในทุกโครงการของแสนสิริ จะสร้างโดยคำนึงถึง 4 มาตรฐานสำคัญ ทั้งในเรื่อง Design, Quality, Innovation แล้วก็ Service ที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยของลูกบ้านให้สมบูรณ์มากที่สุด
Design
เจ้คงจะไม่พูดว่าคอนโดของแสนสิริสวยที่สุด แต่เจ้จะพูดว่า สวยที่สุดสำหรับเจ้ มากกว่า 90% ของโครงการที่เปิดตัวมาอยู่ในเกณฑ์ที่สวยถูกใจมากกก แต่แค่ความสวยมันไม่พอหรอกนะ มันต้องฉลาด และ Functional ด้วย
ซึ่งจุดแรกที่เจ้จะดูก่อนเลยคือเรื่องของ 'พัฒนาการ' ค่ะ ถ้า Brand ไหนมีการออกแบบสินค้าที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เข้าใจความต้องการของคนมากขึ้นเรื่อย ๆ เจ้จะประทับใจมากกกก เพราะนั้นบอกให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่เค้าไม่ได้ดูถูกลูกค้าตัวเอง เค้ามองว่าลูกค้าของเค้าฉลาดมากขึ้น และเค้าต้องปรับตัวเองตามอยู่ตลอดเวลา ในทางกลับกัน ถ้า Brand ยังคงทำสินค้าเดิม ๆ ออกมาขาย จนแทบจะแยกไม่ออกว่าแต่ละโครงการต่างกันยังไง เจ้ว่าเจ้ไม่ ok ละ
คนแต่ละยุค แต่ละสมัย มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ค่ะ การออกแบบสินค้าจึงต้องมีความเข้าใจลูกค้าในแต่ละกลุ่มให้มากๆ เพราะทุกคนมีความเฉพาะตัว
อย่างยุคนี้ คำว่าบ้าน ไม่ได้มีแค่ พ่อ แม่ ลูก แล้วนะคะ แต่ยังรวมถึงผู้สูงอายุด้วย เพราะเรากำลังวิ่งเข้าสู่ Aging Society ซึ่งเด็กกับผู้สูงอายุแม้จะมีอายุต่างกันมาก แต่กลับเป็นคนรุ่นที่มีความต้องการที่คล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของการให้เกียรติ และความต้องการการยอมรับ หรือเป็นส่วนหนึ่งของสังคมโดยไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นกลุ่มคนแปลกแยก

ถ้าเธอจะสร้างบ้านหรือคอนโด โดยไม่มีพื้นที่สำหรับเด็ก หรือผู้สูงอายุ คิดว่าเค้าจะประทับใจไหม ฉะนั้นบ้านที่ดีหรือโครงการที่ดี เจ้ว่าต้องออกแบบให้มีการคำนึงถึงทั้งเด็กและผู้สูงอายุ เพื่อให้เค้ารู้สึกว่า เค้ามีคุณค่า และสามารถใช้ชีวิตร่วมไปกับครอบครัวหรือสังคมนี้ได้อย่างไม่แตกต่าง เช่น ผู้สูงอายุก็สามารถที่จะใช้ส่วนกลางได้ ด้วยการทำลิฟต์โดยสาร หรือทาง Slope ไม่รู้สึกว่าถูกทิ้ง เพราะทางโครงการได้คิดเพื่อรองรับรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุไว้ด้วยแล้ว หรือเด็กที่ต้องการพื้นที่เล่นสนุก และยิ่งถ้าแฝงความสามารถในการพัฒนาทั้งร่างกายและความคิดของเด็กได้ด้วย ก็จะเป็นอะไรที่ถูกใจพ่อแม่มากๆ รวมถึงเรื่องความปลอดภัยของคน 2 รุ่นนี้ที่จะต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

ซึ่งจากประสบการณ์ของเจ้ที่เป็นทั้งคนตรวจบ้านและคอนโด รวมถึงเป็น Blogger อสังหาฯ ต้องยอมรับเลยว่าแสนสิริเป็น Developer ที่เค้าใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ เหล่านี้ เพื่อที่จะให้คนทุกกลุ่มอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว ลองคิดภาพตามนะ ใครจะอยากรู้สึกแก่จริงป่ะ? ถ้าคนสูงอายุเค้าสามารถอยู่ร่วมกับคนรุ่นอื่น ๆ ได้โดยไม่รู้สึกเป็นภาระ เค้าก็จะ Happy มาก ๆ ถูกไหมคะ? นอกจากนี้ยังมีการดูแลเรื่องของความปลอดภัย และมีคนคอยดูแลพื้นที่ส่วนกลางให้ตลอด ไม่ต้องลำบากทำอะไรเอง แถมจะไปโรงพยาบาล ไปตลาดก็ใกล้ สะดวก แล้วอย่างเจ้ดูโครงการใหม่ ๆ ของแสนสิริก็จะเริ่มเห็นการออกแบบที่เป็น Universal Design ที่คนทุกรุ่นทุกวัยใช้งานร่วมกันได้มากขึ้นแล้ว

อย่างพื้นที่ Clubhouse ด้านหน้าที่เป็นอาคาร 2 ชั้น ของที่ THE BASE สะพานใหม่ หรือ Sales Gallery ทุกตัวของแสนสิริจะลงทุนติดตั้งลิฟต์เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถขึ้นลงได้ หรือส่วนกลางบนชั้นดาดฟ้า ที่มีการทำทาง Slope ให้ผู้สูงอายุและเด็กสามารถเลือกใช้แทนการขึ้นบันได ที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ และสะดวกกับการใช้วีลแชร์

สำหรับพื้นที่สนามเด็กเล่น ที่ไม่ได้แค่ไปซื้อชุดเครื่องเล่นเด็ก Outdoor ราคาถูก ๆ มาตั้ง แต่มีการไปทำงานร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเด็กมาช่วยออกแบบโดยเฉพาะ เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของเด็ก อย่าง Educational Playground จะเห็นเลยว่าแสนสิริเค้าไม่ได้คิดแค่ว่า สวย ขายได้ จบ แต่เค้าคิดไปถึงคนอยู่จริง ว่าจะอยู่กันยังไง จะชอบไหม มีความสุขไหม เค้าใส่ใจรายละเอียดมากอ่ะ
หรือเรื่องการใช้งาน เอาตั้งแต่โครงการสมัยก่อนเลยนะ เจ้ไม่เคยเห็น Lobby โครงการไหนของแสนสิริที่วิวปะทะกับถนนตรง ๆ ส่วนมากเค้าจะต้องออกแบบให้หลบเข้ามาในพื้นที่สวน เพื่อให้สามารถ Take View ของสวนได้ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการออกแบบ
แล้วยิ่งสมัยนี้นะ คนรุ่นใหม่มี Lifestyle ที่แบบ โอ้ยยย เยอะ! เอาอย่างเรื่องใกล้ตัวง่าย ๆ รู้ป่ะว่าเด็กสมัยนี้เค้าจดเลคเชอร์หรืออ่านหนังสือบน Tablet กันแล้ว เจ้นิเห็นน้องๆ นักศึกษาที่คอนโดอ่านหนังสือกันละแบบ OMG! อลังการค่ะ ไม่ใช่แค่เด็กหรอกนะคะ อย่างเพื่อนเจ้ทั้งที่อยู่คอนโดนี้ และอยู่คอนโดอื่นๆ เค้าก็จะมีอาชีพเสริมกันเยอะมากกก เช่น ขายคุกกี้ ขายบราวนี่ นางยังเล่าอีกนะว่า 'แก ๆ รู้ปะ มีคนนึงเค้าทำบราวนี่อร่อยมาก แล้วตอนนี้นะ เค้าไม่ต้องทำบราวนี่ขายแล้วเว้ย เค้าเปิดคอร์สรับสอนแก รวยมากกกก แบบใครอยากได้สูตรนางก็ไปสมัครเรียน ฉันยังอยากไปเรียนเลยแก' ส่วนเพื่อนคนที่เล่าให้เจ้ฟังเนี่ย ช่วงเทศกาลนางก็จะทำคุกกี้ขายคนใน Office ค่ะ ซึ่งนางก็ต้องขับรถกลับบ้านที่กาญจนบุรี เพราะที่นู้นนางมีเตาอบ อยู่คอนโดไม่มีที่จะวาง เจ้ก็แบบจะคุ้มค่าน้ำมันหรอแก

มันก็เลยทำให้คิดถึงพื้นที่ Co-Kitchen Space อย่างในคอนโด THE LINE หรือ Cooking Studio ใน XT ที่มัน make sense มากอ่ะ เพราะคนสมัยนี้มีกิจกรรมหลังเลิกงานเยอะมากๆๆๆ ขายของ Online กันก็เยอะ มีคนนึงที่คอนโดเป็นช่างภาพ ก็ทำสายหนังคล้องกล้องขาย เพื่อนเจ้ที่ขายปลอกหมอนก็มี พวก Photo Studio ก็ฟังดูตอบโจทย์อ่ะ หรืออย่างเจ้ที่ต้องการพื้นที่ Co-Working Space เพราะอยากที่นั่งบรรยากาศดี ๆ นั่งเขียนงาน อย่างแต่ก่อนมีงานอีเวนต์ เค้ามี Promotion ใช้พื้นที่ในการทำงานฟรี เจ้ก็สบายค่ะ แต่ล่าสุด Promotion หมดจ้าาา ก็ต้องเสียตังค์ค่าสมัครกันไป เวลาจะไปนั่งร้านกาแฟชื่อดังก็ โอ้ว!!! คนเยอะมากกกกก ซึ่งก็จะเห็นได้ว่าแสนสิริเค้าก็พยายามจะพัฒนาส่วนกลางให้มันตอบโจทย์ Lifestyle คนมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเจ้มั่นใจมากว่า ถ้าวันนึง XT มีมากกว่า 10 โครงการทั่วกรุงเทพฯ มันจะเป็นอะไรที่ wow มากๆ

สำหรับการออกกำลังกาย ก็เป็นเรื่องสำคัญค่ะ แต่ปัญหาใหญ่เลยคือ ขี้เกียจ! Okay? 5555 แต่ก็จะมีแค่ไม่กี่ Brand หรอกที่พยายามจะลากพวกเธอให้มาออกกำลังกาย ด้วยการพยายามทำให้มันดูเป็นเรื่องสนุก ซึ่งอันนี้เจ้ว่าต้องขอบคุณเค้านะ ที่ไม่ได้แค่เอา Fitness มาตั้ง แล้วเธอจะออกกำลังกายไหมมันก็เรื่องของเธอ แต่แสนสิริไม่ใช่แบบนั้น เค้าพยายามที่จะไปสรรหาอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ มาให้ลูกบ้าน อยากให้ทุกคนออกกำลังกาย อย่างตัวที่เจ้ wow มากเลยคือ XT เอกมัย ที่เจ้เสียทรัพย์จองไป (กำลังรอเปลี่ยนสัญญาอยู่ ตื่นเต้น ๆ) ที่จะมีทั้งเครื่อง iCaros ที่เป็นเครื่องออกกำลังกายที่ใช้เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) มาช่วยให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องสนุก อารมณ์เหมือนเล่นเกมไปด้วยในตัว (เหมือนสมัยที่เราชอบเล่นเกมเต้นกันอ่ะ นึกออกป่ะ) และก็มี Real-Time Class ให้ออกกำลังกายแบบไลฟ์สดตรงจาก Fitness ชื่อดัง เหมาะกับคนที่มีข้ออ้างในการขี้เกียจออกจากบ้านแบบเจ้ ที่แม้จะอยากไปเข้าพวก Yoga Class, Body Combat, Body Pump, Dance Class อีกหน่อยก็แค่กดลิฟต์ขึ้นไป Fitness สบายยยยย อิอิอิ

หรืออย่างที่ THE LINE ราชเทวี ที่เค้าติด Solar Cell เพื่อเอาไฟมาเลี้ยงส่วนกลาง เจ้ว่าเป็นเรื่องดีนะคะ ที่เค้ายอมลงทุนเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนกลางของลูกบ้าน ซึ่งก็ไม่ค่อยจะมีที่ไหนเค้าติดให้กันป่ะ เพราะถ้าค่าใช้จ่ายจะสูงมันก็เป็นความรับผิดชอบของลูกบ้านเอง แต่เค้าก็คิดเผื่อมาให้ เจ้ว่าเค้าดูใส่ใจดีนะ
Quality
หัวข้อนี้คือขอกัดแรงง่ะ คือด้วยความที่เจ้ชอบงาน Interior มาก ๆ ก็จะมีความอยากรู้อยากเห็นเนอะ ว่าอันนี้ Brand อะไร แพงไหม ซึ่งสิ่งที่เห็นตลอดนะ เอาเรื่องเบา ๆ ก่อน หินอ่อนก็คือหินอ่อนจริง ๆ เนอะ พื้นที่ส่วนกลางนางอ่ะ หินอ่อนต่อลาย นางก็พยายามขนมาจัดเต็มมาก ไม่ค่อยเห็นแสนสิริใช้กระเบื้องลายหินนะ ยกเว้นในห้องน้ำที่จะใช้เป็นแกรนิตโต้ลายหิน แต่ก็เป็นเกรดแพงมาก ที่ถ้ามองใกล้ๆ จะไม่เห็นลาย Dot ของการ Print แถมลายก็จะไม่ซ้ำกัน 40,000 แผ่นต่อครั้ง ราคาก็พอ ๆ กับหินเลยค่ะ ที่เค้าต้องเปลี่ยนมาเป็นแกรนิตโต้ในห้องน้ำเพราะว่ามันทนน้ำได้มากกว่าค่ะ ในขณะที่บางที่ใช้แผ่นฟอร์เมก้าลายหินงี้ โอ้ย ลงทุนบ้างไรบ้าง ต้องขอบอกเลยว่ารายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้แสนสิริทั้งใส่ใจและให้ความสำคัญมากกก ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีแบบไม่ต้องเอ่ยปาก

หรืออย่างพวก Furniture อ่ะ นางก็ใช้ของจริง ของ Brand แพงๆ เลยนะ อย่างเพื่อนเจ้ยังเคยถ่ายรูปส่งมาให้ดูว่าโซฟาที่Lobby นางของแพงนะจ๊ะ แต่แสนสิริไม่เคยต้องออกมาป่าวประกาศสักคำเลย เพราะเค้าไม่สนใจว่าลูกค้าจะอินไปกับเค้าไหม แต่ถ้าเค้ารู้สึกว่าสิ่งนี้มันดีอ่ะ มันคือของเกรด Top Brand เค้าก็อยากจะเลือกให้ลูกบ้านของเค้าได้ใช้ โดยไม่ต้องมานั่งป่าวประกาศให้โลกรู้ เจ้ว่าอันนี้ใจมากอ่ะ ชอบ
Innovation
เรื่องนี้แสนสิริโดดเด่นมากค่ะ น่าจะเป็น Developer แรกเลยป่ะ ที่มี Home Service Application ให้ลูกบ้านใช้ แถมยังพัฒนาตลอด จากแต่ก่อนที่แค่รับข่าวสาร หรือติดต่อนิติฯ และเดี๋ยวนี้ก็มีแบบจองส่วนกลาง สั่งซื้อของ Online จองแม่บ้านทำความสะอาด สั่งงานผ่าน Home Automation อะไรพวกนี้ได้อีก ซึ่งอย่างเจ้ก็เหมาะมาก เพราะชอบลืมเปิดแอร์ทิ้งไว้บ่อยมากเวลารีบ ๆ อีกหน่อยอยู่นอกบ้านละนึกได้ก็สั่งปิดได้จาก Smart Phone เลย จะได้ไม่เปลืองค่าไฟ

หรืออย่าง Smart Locker กับ SANDEE Delivery Bot เนี่ยแสนสิริเค้าก็เป็นเจ้าแรกที่เอามาใช้ เพื่อพยายามให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกบ้าน แล้วนางก็ยังมีการตั้ง Business Unit ใหม่ขึ้นมาเป็น SiriVenture เพื่อไปเฟ้นหา Start Up ที่น่าสนใจและร่วมลงทุนเพื่อนำ Innovation ใหม่ ๆ เหล่านั้นมาพัฒนาบ้านและคอนโดให้ลูกบ้านอีก


Service
เรื่องนี้เจ้ก็ชอบมากกก ตั้งแต่สมัยมีดราม่า คือ Call Center ของแสนสิรินี้เป็น Call Center มหัศจรรย์มากกก โทรปุ๊บได้เรื่องปั๊บ นางจะต้องไปเฟ้นหาคำตอบมาให้ เป็นอะไรที่ประทับใจมากกก อย่างวันก่อนเจ้โทรไปเรื่องเปลี่ยนสัญญา XT เอกมัยที่เจ้ซื้อต่อคนอื่นมา นางก็หายไปแค่แป๊ปเดียว ก็ต่อสาย Sales ที่ดูแลให้เลย เจ้แบบ Over Expectation มากกกก ทั้งเรื่องความรวดเร็วและการทำงานเพื่อหาคำตอบมาให้ลูกค้า พูดได้คำเดียวว่า เทพ!


นอกจากนี้ Service อื่น ๆ อย่างพวกระบบรักษาความปลอดภัยก็เรียกได้ว่าประทับใจ อย่างล่าสุดที่เจ้ไปเยี่ยมชมโครงการอย่างพวก THE LINE ราชเทวี ก็รู้สึกว่าระบบรักษาความปลอดภัยเค้าเข้มงวดมาก มี Process ในการทำงาน เช่นขับรถเข้ามาถึง Gate เจ้าหน้าที่ต้องแจ้งลูกค้าว่ายังไงบ้าง มีการอธิบายขั้นตอนที่ละเอียด ที่จะต้องแลกบัตรและประทับตราเพื่อป้องกันคนนอกมาเนียน ซึ่งพอมาถึง Lobby ก็จะมีระบบ Access Control ควบคุมอีกชั้น รวมถึงลิฟต์ Lock ชั้นขึ้นขาขึ้นและลง ช่วยสร้างความมั่นใจให้ลูกบ้านได้เยอะ
ทิ้งท้าย
สุดท้ายที่เจ้อยากจะฝากไว้หน่อยนึง คนเวลาทำธุรกิจจะมี 2 แบบ แบบที่ติสท์ คือเน้นทำของที่ดีที่สุดออกมา กับแบบหัวการค้าคือเน้นกำไรสูงสุดเข้าไว้ เจ้ว่าเราเป็นผู้ซื้อ ก็ต้องดูดี ๆ และคิดดี ๆ ว่าเราอยากซื้อของกับคนแบบไหน ซึ่งเจ้ว่าวิธีการดูว่าใครเป็นใครไม่ยากหรอก ดู % ของกำไรสุทธิเทียบต้นทุน และดูราคาหุ้น ก็รู้แล้วว่าเค้า Focus ที่กำไร หรือ 'ลูกบ้าน' ที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับเธอแล้วล่ะ ว่าอยากจะเริ่มต้นใช้ชีวิตกับคนแบบไหน :)
ค้นพบ Function อีกมากมายจากแสนสิริที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มทุกการใช้ชีวิต
Comments