top of page

สัมภาษณ์งาน ต้องได้งาน! เทคนิคทำตัวให้เจ๋งจนต้องจดจำจากเด็ก INSEAD

  • Sukrit Udom
  • Jan 14, 2019
  • 1 min read

แอร๊ยยย! ปีใหม่แล้ววว เริ่มอยากหางานใหม่กันแล้วละสิพวกเธ๊อ!!! ระหว่างรอโบนัสก็มาเตรียมตัวพร้อมเทคนิคสุดเริศจากเจ้ไปก่อนนะคะ

เผื่อใครไม่ Get อะไรค่ะ เด็ก INSEAD?

INSEAD คือมหาวิทยาลัยอันดับโลกด้านธุรกิจค่ะ Ranking ของ โปรแกรม MBA ที่นี่ ติด 1 ใน 5 ของโลกตลอด ตีคู่กันมากับพวก Harvard, Wharton เลย มี Campus อยู่ที่ฝรั่งเศสและสิงคโปร์ ฉะนั้นคนที่จะจบจากที่นี่ได้ ไม่มีคำว่าธรรมดาแน่นอน

เจ้จบ INSEAD เลยหรอ?

ป่าวย่ะ หน้าตาโง่ๆอย่างฉัน เรียนให้จบก็หรูละคะ แต่บังเอิญเมื่อ 5-6 ปีก่อนมั้ง เจ้ได้รู้จักกับพี่คนนึงที่นางเป็นผู้บริหารในบริษัทระดับ Global Brand ที่มั่นใจว่าไม่มีใครไม่รู้จัก ตอนนั้นอายุนางแค่ 30 ต้นก็เป็นผู้บริหารแล้วง่ะ ก็นะ นางจบ U อลังการขนาดนี้

ช่วงนั้นฉันก็หางานรัวๆเหมือนกันค่ะ เป็นตุ๊ดออฟฟิศชีวิตไร้ทิศทาง ก็ได้คำปรึกษาจากนางนี้แหละ ซึ่งเจ้คิดว่ามันเจ๋งมากกก

เจ๋งแค่ไหนหรอ? ก็จากที่ฉันไปสัมภาษณ์งานเท่าไรก็ไม่ได้ จนกลายเป็นได้เกือบทุกที่ จนต้องปวดหัวไม่รู้จะเลือกที่ไหนดี ดีไปหมดเลยค้าาา! แอร๊ยยย สวยยย

ก่อนอื่นเธอก็ต้องเข้าใจก่อนว่า คนสัมภาษณ์เค้าอยากได้อะไรจากเธอ?

แน่นอนว่าส่วนมากพวกนางก็จะมาเป็นหัวหน้าเธอชิมิ ตรงนี้เจ้ขอพูดตรงๆ สัมภาษณ์งานอ่ะ เธอก็ต้องเลือกเจ้านายเหมือนกันน่ะ ถ้าแลดูคนสัมภาษณ์เป็นมนุษย์ป้า ไม่ให้เกียรติเรา เราก็มีสิทธิเชิดใส่ค่ะ อย่าไปทน ไปหาเจ้านาย Gen ใกล้กันคุยภาษาเดียวกันดีกว่า นอกจากจะทำงานเข้าขากันมากกว่าแล้ว ยังมีโอกาสเติบโตกว่าเยอะมากด้วยในอนาคต

ให้เธอคิดว่าถ้าเธอเป็นเจ้านาย เธอจะอยากได้ลูกน้องแบบไหน เป็นเจ้นะ (ทำงานสายการตลาด) เจ้ก็อยากได้ลูกน้องที่

1. ไม่สตอค่ะ เป็นคนตรงๆแต่สุภาพ (ไม่งั้นมีปัญหาอะไรก็ไม่บอกเราจริงป่ะ)

2. สร้างแสดงความคิด ออกไอเดีย (ไม่ใช่นั่งบื้อรอคำสั่งในห้องประชุม)

3. เข้าใจงานที่ทำ รู้ว่าทีมต้องการอะไร บริษัทต้องการอะไร แล้วพยายามทำให้ถึงเป้ามากแค่ไหน

สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เธอต้องสะท้อนออกมาตั้งแต่ใน Resume เลยจ้า

คุณพี่ INSEAD ได้แนะนำไว้ว่า

1. One-page resume pleaseee นั้นแสดงให้เห็นว่าเราสามารถ prioritize เรื่องราวได้ น้ำไม่ท่วมทุ่ง

2. เวลาแกเขียนจบที่ทำงาน 1 ที่ ให้แกไปด้วยว่า แกทำอะไรที่ประสบความสำเร็จที่นี่บ้าง แสดงออกมาเป็นตัวเลขเลย เช่น Campaign ที่แกทำยอดขายโตกี่% เป็นต้น (ของเจ้แยกออกมาเป็นกล่องเด่นๆเลยค่ะ ว่ายอดโตเท่าไร แล้วมี Leadership อะไรบ้าง)

เวลาเค้าอ่านเห็น เค้าก็จะสะดุดตาว่า อุ้ย CV นางคนนี้มีความเกร๋ บอกความสำเร็จในงานมาด้วย ไหนลองเอามาคุยสิ

ต่อไปเป็นวันสัมภาษณ์นะคะ ซึ่งอันนี้ต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้าเยอะมาก

คือคนส่วนมากจะชอบไปตัวเปล่า นั่งสวยๆ ตอบคำถาม Hello! แล้วคนสัมภาษณ์เค้าจะไปรู้ได้ยังไงค้าว่าเธอพูดจริงหรือสตอ

คุณพี่ INSEAD ได้แนะนำไว้ว่า

1. แกควรจะติด Laptop ไปด้วย ทำเป็น Presentation เผื่อไปเลย ไม่ต้องน้ำเยอะ เพราะคนสัมภาษณ์เค้าไม่ได้มีเวลากับแกทั้งวัน พยายามเลือกผลงานที่ Relate กับตำแหน่งที่แกสมัคร เปิดให้เค้าดูว่าแกทำอะไรมาบ้าง วิธีการคิดแก้ปัญหาของแกเป็นยังไง เธอก็ยกตัวอย่างงานเริศๆไป อย่างของเจ้ก็แบบ "Project นี้เกิดจากว่า เราได้ Launch Product ใหม่ไปใน Asia Pacific ค่ะ แต่ตลาดที่เป็น Price Sensitive อย่าง ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ไม่ Buy Product ซึ่งจะไม่เหมือนกับกลุ่ม ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ที่เค้ายอมจ่ายเพิ่มเทคโนโลยี เราเลยต้อง Educate ตลาดด้วย .... และให้เค้าทดลองใช้ฟรี 3 เดือน .... และตามด้วย Promotion .... เพื่อเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรม บลา บลา บลา" คือเวลาเล่ามันต้องมีการแสดงให้เค้าเห็นด้วย เราเข้าใจตลาดนะ ไม่ใช่เค้าสั่งมา เราก็ทำตาม Okay? 2. ทำเป็น Graph ให้เค้าดูว่าเนี่ย จากสิ่งที่แกทำ มันทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดียังไงบ้าง การแสดงผลเป็นตัวเลขมันจะดูง่ายสุด 3. อันนี้เจ้ขอแนะนำเองค่ะ ถ้าเป็นงานที่ต้องใช้ idea อาจจะลองเตรียม idea ไปลองเสนอ ไม่ต้องเค้าถามค่ะ พอดูทำท่าจะจบก็บอกเลย ว่าเนี่ย เราลองเตรียม idea มานะ แต่เป็นมุมมองจากคนนอก อาจจะยังไม่ถูกต้องมาก แต่ก็อยากลองเสนอดู ผลลัพธ์ส่วนมากดีเสมอค่ะ หลังจากที่เจ้ได้ลองใช้เทคนิคของนางน่ะ สิ่งที่ส่วนมากเจ้ได้ยินกลับมาคือ "พี่ไม่ค่อยเจอแบบนี้ น้องเตรียมตัวมาดีมาก พี่ประทับใจมาก" ซึ่งตอนนั้นทำให้เจ้ได้รับการตอบรับ 5 ที่ จากการไปสัมภาษณ์งาน 6 ที่ ซึ่งเจ้ Amazing มากว่าก่อนหน้านั้น สัมภาษณ์ที่ไหนก็ไม่ผ่านอย่างแรง แถมที่สำคัญเจ้ไม่ได้จบตรงสายด้วยนะ (ฉันจบ Biology แต่ทำงานการตลาด จบแค่ ป.ตรี นี้แหละ) สุดท้ายคือเจ้ว่าความจริงใจสำคัญมากค่ะ โดยเฉพาะถ้าคนสัมภาษณ์เป็น Gen Y คำตอบสวยๆนางงามๆ ไม่ผ่านแน่นอน อย่างของเจ้นี้ความฮามาเต็มค่ะ ตอนนั้นเจ้สัมภาษณ์ภาษาอังกฤษแล้วเค้าบอกว่า ทำไมภาษาดี (อยากจะบอก ดีเฉพาะเวลาเม้าไร้สาระนี้แหละค่ะ พอเป็นการเป็นงานพังทุกที) เจ้ตอบไปว่า "เพราะหนูเป็นตุ๊ดมั้งค่ะ พอเป็นตุ๊ดก็เลยมีความดัดจริตแบบ ชอบดูหนังฝรั่ง ฟังเพลงฝรั่ง อะไรแบบนี้" คนสัมภาษณ์ก็ฮาแตก บอกว่าชอบมาก จริงใจเวอร์ แล้วก็ได้งานไปเลยจ้า (แต่ดูคนสัมภาษณ์ด้วยนะ ถ้ามาแนวมนุษย์ป้า หรือเป็นงานที่แบบต้องการรักษาภาพลักษณ์องค์กร ก็อาจจะอดได้ค่ะ)

ขอให้โชคดีกับการสัมภาษณ์งานนะจ๊ะ


 
 
 

Kommentare


bottom of page