9h Hotel Asakusa - คืนละ 552 บาท Low Cost แต่ไม่ Low Quality นะจ๊ะ
- Sukrit Udom
- Feb 13, 2019
- 3 min read

ใครมาญี่ปุ่นบ่อยๆจะรู้เลยว่า ค่าที่พักที่นี่สูบเงินไปมหาศาลมากค่ะ บางทีได้ตั๋วโปรมาไม่ถึงหมื่น แต่ถ้าอยู่นานๆนี้โดนค่าที่พักไประดับหลายหมื่นกันเลยทีเดียว แล้วที่เที่ยวนางก็ช่างเยอะและต้องมาหลายฤดูได้อีก คือเอาเงินมาหมดกับค่าที่พักตายพอดีค่ะ
แล้วยิ่งตุ๊ดสายเปลี่ยว เที่ยวคนเดียวแบบเจ้ ให้ไปนอนโรงแรมก็ไม่ไหวค่ะ ไม่มีคนช่วยหาร งานนี้เลยต้องอาศัยโรงแรมแคปซูลอย่าง 9h Nine Hours Hotel ที่เจ้สุดแสนจะปลาบปลื้มกับราคาที่จองมาคือ 10 คืน 5,522.40 บาท หรือคืนละ 552.24 บาทนั้นเอง (ลองเทียบกับโรงแรมอีป้า (นามสมมติ) แถวๆนี้ ที่ 10 คืนราคาประมาณ 28,xxx บาท โอ้ยยย ประหยัดสองหมื่นกว่าบาทไว้ Shop หรือ เป็นค่าตั๋วเครื่องบินรอบหน้าดีกว่าค่ะ)
ตอนจองมาเจ้ก็กังวลมากค่ะ ว่าจะนอนหลับไหม เพราะเป็นคนนอนยากมากกก แต่ก็มาตั้ง 10 คืน บวกกับทริปที่แล้ว Shop หนักไปหน่อย ล้มละลายหนักมาก ทริปนี้เลยต้องประหยัดค่ะ ฉะนั้น ไม่มีทางเลือกค่ะ แต่พอเข้าไปดูรีวิวของพวกต่างชาติแล้ว ทุกคนชมกันเยอะมาก เจ้เลยต้องขอมาพิสูจน์ด้วยตัวเองค่ะ
Location

ข้อดีของ Location ตรงนี้คือ ใกล้กับวัด Sensoji มากกก ใกล้ Ueno และใกล้ Tokyo Station (แต่ไม่ได้ใกล้ JR นะ ฉะนั้นถ้าใครซื้อ JR Pass แนะนำไปสาขา Kamata หรือ Shinjuku North ค่ะ) ฉะนั้นอาจจะไม่เหมาะกับสายออกนอกเมืองเท่าไร
แต่ถ้าสไตล์เจ้คืออยู่ในเมืองเยอะ เพราะงานเข้าตล๊อดดด! ตอนอยู่ไทยดันไม่เข้างี้! แล้วมีบัตร Suica หรือ Pasmo เอาไว้แตะเข้าเมือง อันนี้คือ ok มากค่ะ ประหยัด อย่างเวลาเจ้จะไป Shinjuku ก็จะมี 2 ตัวเลือกค่ะ ถ้าเน้นประหยัดก็เดินไป Ginza Line แล้วแวะกินข้าวระหว่างทางก็จะราคาแค่ 237 เยน แต่ถ้ากลับโรงแรมดึกหนาว อยากรีบถึงโรงแรมไวๆ ก็นั่ง Chou-Sobu Line มาต่อ Tsukuba Express จะราคา 380 เยนค่ะ
อีกข้อดีของทำเลนี้คือ เต็มไปด้วยร้านอาหารราคาถูกค่ะ เหมาะสำหรับทริปประหยัด เรียกได้ว่ามีแทบทุกแบรนด์ที่ราคาไม่แพงแถมยังใกล้ Don Quijote มากกก


เดินทะลุอันนี้ไปก็ถึงวัด Sensoji เลยค่ะ

ใกล้สถานีแบบมากๆๆๆ

ร้านนี้ข้าวกล่องติดสถานี เริ่ม 250 เยน แต่กินแล้วแม่ไม่ปลื้มค่ะ

ีที่ชอบมากคือ จะมีร้านราคาถูกพวกนี้ตลอดทางยาวไปจนถึงสถานี Ginza Line เลยค่ะ

อันนี้ร้านประจำเจ้ กินเกือบทุกวัน

เธอดูราคาเมนูอาหารเช้านางสิ ถูกมากก

อันนี้มากินตอนเย็นนะคะ 690 เยน แต่ได้เยอะมาก

วิวระหว่างทางเดินไปรถไฟค่ะ
9h Nine Hours Hotel - Asakusa

หน้าตาโรงแรมเกร๋มากกก แต่เวลาเดินมาอาจจะมองไม่ค่อยเห็นป้าย 9h Nine Hours สักเท่าไร แนะนำให้มองหาร้านกาแฟ FUGLEN ค่ะ เพราะบริเวณชั้น 1-2 ของโรงแรมจะเป็นร้านกาแฟ


ลิฟต์ทางขึ้นโรงแรมจะอยู่ตรงกลางร้านกาแฟเลยค่ะ

นางจะบอกให้ขึ้นไปหา Reception ที่ชั้น 9 ก่อน

เปิดลิฟต์มาจะ wow กับวิวใช้ได้เลย


คือดีย์อ่ะ

พอมาถึง Reception ก็ยื่น Passport ให้นางค่ะ นางจะให้เราตรวจดูรายละเอียดรอบนึง แล้วก็เซ็นชื่อบน iPad จากนั้นก็จะได้ถุงผ้าพร้อมบัตร QR Code มา 1 ใบ

สำหรับคนที่จองมาหลายคืนแบบเจ้ เค้าจะให้นอนใน Pod เดิมตลอดค่ะ (เจ้ชอบเรียกว่ารู) แต่จะต้อง Check-out ทุกเช้าก่อน 10.00 (เริ่ม Check-in ได้ 13.00) โดยทิ้งกระเป๋าไว้ที่ห้อง Locker ได้ตลอดเวลาค่ะ แต่จะต้องเอาของออกจาก Locker และ Pod เรื่องของหายไม่ต้องกลัวค่ะ ตอนที่เขียนรีวิวนี้คือนอนมาแล้ว 4 คืน ก็ไม่หายนะคะ ส่วนข้อดี ข้อเสียไว้ไปเม้าตอนท้ายค่ะ

Check-in เสร็จแล้วก็หันไปอ่านกฏและขั้นตอนกันสักหน่อย แม้โรงแรมจะชื่อ Nine Hours แต่เราสามารถอยู่ยาวได้ตั้งแต่ 13.00 - 10.00 ของอีกวันนึงนะคะ ตอนแรกเจ้ก็กลัวว่าแบบ คือไรวะ ให้อยู่แค่ 9 ชั่วโมงอะไรแบบนี้ป่าว
ปล. อาหารและมือถือใช้ได้นะคะ แต่เค้าจะมีบริเวณให้ใช้

ทีนี่เค้าแยก ช-ญ นะจ๊ะ จะได้มารวมญาติกันก็ตรงส่วนกลางที่เป็น Desk ตรงชั้น 8 นี้แหละ โดยของผู้หญิงก็ดูตามสีแดงได้เลย ของผู้ชายและเก้งกวางก็ตามเจ้มาค่ะ 555


มีป้ายบอกตลอดเวลา แต่คนก็ไม่ค่อยจะอ่านกันหรอก เท่าที่เจ้เห็น

ห้อง Locker แต่ละสาขาจะไม่เหมือนกันนะคะ อย่างที่นี่จะเป็น Locker แบ่งครึ่งบน-ล่าง บางสาขาก็จะได้สูงพื้นจรดเพดานเลย บางสาขาเป็น QR Code บางสาขาเป็นกุญแจค่ะ กระเป๋าก็เอามาวางไว้ตรงนี้ค่ะ แล้วเอาของใช้แยกไปใส่ใน Locker (เหมือน Locker Fitness อ่ะ)

ตรงนี้จะมีป้ายกระดาษแปะว่า พวกเธอไม่ต้องถอดรองเท้าตรงนี้ก็ได้ แต่เจ้เห็นพวกนางก็ไม่อ่านค่ะ ถอดตามกันรัวๆ จนรองเท้ากองเต็มพื้น เกะกะมาก อ่านนะคะ อ่าน!!!


บน Keycard จะมี QR Code อยู่ค่ะ เอามา Scan สำหรับเปิดตู้

เปิดมาจะเป็นเยี่ยงนี้ มี 2 ไม้แขวน และถาด Plastic ไว้ใส่รองเท้าค่ะ ปล ต้องใส่แบบนอน เหมือนเวลาซื้อรองเท้าแล้วมาในกล่องงะ

ผ้าเช็ดตัว Slipper ขยะ จะมีช่องให้ใส่แยกประเภทนะคะ

สะอ้วม มีแค่ 1 ห้องสำหรับชั้นนี้ T-T แต่จะมีอีก 3 ห้องในชั้นที่เป็น Pod ค่ะ

เรื่องความสะอาดนี้ยกให้นางจริงๆค่ะ สะอาดมากกก ขนาดยาแนวในห้องน้ำยังไม่มีคราบแม้แต่น้อย ทำได้ไง




ในห้องน้ำมี แชมพู คอนดิชันเนอร์ และ สบู่เหลวอาบน้ำให้ค่ะ เจ้ว่าคุณภาพดีนะ แต่กลิ่นจะฉุนนิดๆ

มีแยกส่วนเปียก - แห้งสำหรับแต่งตัวค่ะ

มาดูของในถุง Lucky bag กันบ้าง มีผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า Slipper ชุดแปรงสีฟัน-ยาสีฟัน และชุดนอนค่ะ ปล ชุดนอนนี้ ถ้าใครตัวใหญ่แบบเจ้ ต้องบอกนางนิดนึงนะคะว่าขอ Size ใหญ่ ไม่งั้นบางวันได้ใหญ่ บางวันได้เล็ก แน่นฟิตเปรี๊ยะเชียว


ไปสำรวจส่วนกลางกันก่อนนะคะ ยังไม่อยากเข้ารูค่ะ

อันนี้คือส่วนที่เรียกว่า Desk ชั้น 8 ค่ะ จะมีที่สำหรับนั่งเล่น กินขนม

หรือโต๊ะสำหรับนั่งทำงานอ่านหนังสือ (มีความวิวดี) ลืมบอกไปว่า Wifi ที่นี่แรงดีมาก ชอบมาก ไม่เหมือนโรงแรมอีป้า พอตกเย็นนี้ Net เน่าเชียว เพลีย -_-''

โต๊ะเป็น Top กระจกนะคะ ใครจะใช้เมาส์ก็อย่าลืมหากระดาษมารองด้วย เก้าอี้ชั้นนี้นั่งสบายค่ะ

ถ่ายรูปสตอ ชีวิตดี อะไรกันไปค่ะ

เข้ามาในลิฟต์จะมีบอกค่ะ ว่าชั้นไหนมีอะไรบ้าง โดยลิฟต์จะแบ่งของผู้ชาย กับ ของผู้หญิงนะคะ

เริ่มจากชั้น 7 ก่อน ทุกชั้นนางจะมี Map บอกนะคะ ว่าอะไรอยู่ตรงไหน




เวลาใช้ส่วนกลางแล้วจะเข้าไปในส่วนของ Pod จะต้องใช้ QR Code บน Keycard ด้วยนะคะ ฉะนั้นแนะนำให้พกบัตรไว้ตลอดเวลาค่ะ

นอกจากลิฟต์แล้ว ก็สามารถเดินหนาวๆขึ้น-ลงทางบรรไดได้ด้วยเหมือนกันนะคะ

อันนี้เป็น Lounge ของชั้น 6 ค่ะ เป็นที่นั่งทำงาน แต่จะเป็นเก้าอี้หัวโล้น ด้วยความที่เป็นห้องกระจก ดึกๆหนาวมากกก



ชั้น 5 นางบอกว่าเป็น Light Gym แต่คือมีลู่วิ่ง 2 อันนี้แหละคะ ที่ว่างที่เหลือเป็นที่เก็บของของนาง 5555

รอบนี้เจ้นอนชั้น 6 ค่ะ

แม้ว่าตรงประตูจะมีบอกว่า โปรดเงียบ แต่ก็จะมีเสียงคนเสร่อคุยกันตลอดเวลา อย่างคืนที่ 2 ก็คนไทย "โอ๊ต ตั้งปลุกรึยัง" "โอ๊ต สายชาร์ตอยู่ไหน" "โอ๊ตนั้น โอ๊ตนี่" เพลียยย คืนที่ 4 ก็ฝรั่งเศส อันนี้ยังดี มาเม้ากันตอนเช้า

มีห้องน้ำ 3 ห้องค่ะ อันนี้แหละตัวทำเสียงดังเลย



เอาละ ถึงเวลาเข้ารู รูนางเหมือนจะเล็ก แต่เชื่อเถอะว่าสบายมากๆ เห็นว่ากว้าง 110 cm ยาว 220 cm นะคะ ฉะนั้น กะเทยสูง 180 cm แบบเจ้นอนได้สบายมาก

เวลาปิดรูจะเป็นม่านม้วนแบบนี้ค่ะ

ดึงลงมาแล้วจะมีขอเกี่ยวกับแบบนี้สองด้าน

บรรยากาศก็จะดูอวกาศหน่อยๆ มีช่องใส่ของ 2 ฝั่ง มีไฟ Dim ได้ แล้วก็หมอนทรงโค้งๆ ที่เค้าบอกว่าใบละ 18,000 เยนเชียวนะ

ซ้ายสุดจะเป็นปลั๊กไฟ ตรงกลางสำหรับปรับความสว่างไฟ และขวาสุดคือช่อง USB ค่ะ อ่านรีวิวบางที่บอกมีตั้งปลุกด้วยแสงได้ด้วย แต่ที่นี่ไม่มีง่ะ

ทีนี่มาดูความเห็นของเจ้บ้างค้าาา
คะแนน 9/10 จ้าาา
คือด้วยราคาคืนละ 552 บาท (สำหรับเดือนกุมภาพันธ์) แต่สิ่งที่ได้คือ
ข้อดี
- สะอาดมากกก แบบมากๆจริงๆ
- พนักงานดี พูดอังกฤษได้จริงๆ (ไม่ใช่พูดได้แบบไม่รู้เรื่องนะ)
- มีความครบครันเวอร์ มีแม้กระทั้งชุดนอน ประหยัดเสื้อผ้าไปได้เยอะมากกก
- ที่นอนนอนสบายมากกก ขนาดเจ้เป็นคนหลับยากและมีเสียงรบกวน แต่หัวถึงหมอนปุ๊ปหลับเร็วมากกก
- มี Zone ให้นั่งทำงาน แม้จะ Check-out แล้วก็ยังนั่งทำงานได้
- ทำเลดีมากกก ใกล้ทั้งรถไฟ ใกล้ทั้งที่เที่ยว ของกินเยอะสุดๆ Don Quijote ก็แทบจะติด
ข้อเสีย
- เรื่องเสียงอย่างเดียวเลยค่ะ ที่มักมีคนไม่มีมารยาทเสียงดัง แต่ด้วยความที่เครื่องนอนนางคงจะคุณภาพดี ขนาดเจ้เป็นคนนอนยากยังหลับได้อย่างไว ทำให้นอนได้เต็มอิ่ม
ข้อแนะนำ
- ควรตื่นเช้าหน่อย ช่วง 6-8 โมงค่ะ เพราะถ้าช่วง 9-10 คนจะเต็ม Locker มากกก ละบางคนก็อารมณ์แบบ กาง แบ แผ่ ทุกอย่างบนพื้น คนอื่นไม่ต้องเดินผ่านงี้
- Manage ของให้ดี จะช่วยลดความวุ่นวายในการเดินไปเปิดกระเป๋าใบใหย่บ่อยๆค่ะ
โรงแรม 9h Nine Hours Hotel เค้ามีหลายสาขานะคะ แต่ละสาขาก็ไม่เหมือนกัน แต่ที่งงคือจองใน Agoda ถูกกว่าจองตรง 555
- Kyoto
- Narita
- Sendai
- Shinjuku - North
- Kanda (woman)
- Takebashi
- Akasaka
- Kamata
- Asakusa
- Shin - osaka
- Namba
จบละจ้าาา :)
Comments