สำหรับการ Review JAL Business Class ครั้งนี้
ความเกร๋คือ เจ้ไม่ได้จอง JAL ค่ะ
แต่จอง Malaysia Airline ค่ะ
อ้าว!!! ยังไง???
ก็นางเป็นพันธมิตรกันไง
ภายใต้ Oneworld Alliance Member
ซึ่งจะมี 1 ขาจาก KUL - NRT ที่กลายเป็น JAL สะงั้น
แต่ตัวนี้ไม่ใช่ตัว SKY SUITE สุดเริศของนางนะคะ
ไว้เจ้ได้ไปนั่ง SKY SUITE จะมาเม้าให้ฟัง
สำหรับ Lounge ที่สนามบิน KUL
เราก็จะได้ Lounge ของ Malaysia Airline ค่ะ
ซึ่งเจ้ว่านางทำออกมาได้ OK อยู่
พอมาถึง Seat เราจะเจอกับไม้แขวนเสื้อกายสิทธิ
ที่แม่ชอบใช้ตีเราตอนเล็กๆ เอ้ย ไม่ใช่ 555
เทียบกับเจ้าอื่นที่จะให้แอร์มาเดินถามทีละคน
แล้วขอ Boarding Pass เอาไปใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ
มันไม่ใช่ Luxury แบบญี่ปุ่นค่ะ!
Luxury ของญี่ปุ่นคือความ PRIVATE!!!
ฉะนั้นแอร์เค้าจะพยายามมายุ่งกับเราน้อยที่สุด
ถ้าเรามีเสื้อนอก ก็แขวนทิ้งไว้ค่ะ
สักพักนางจะเดินมาเก็บ
มาดูของแถม ของฟรี กันบ้าง
สายงกแบบเจ้ มาเพื่อสิ่งนี้
เสียใจด้วย คุณไม่ได้กระเป๋าเกร๋ๆไว้อวดเพื่อนนะคะ
เพราะของแจกจะมาใน Package สำเพ็ง พาหุรัด แบบนี้
ดีหน่อย Amenity Kit ยังมีถุงผ้าน่ารักๆให้
อย่างที่บอกว่านางชอบความ Private ฝุดๆ
แม้แต่การถามเมนูอาหาร เวลา serve
ยังกระดาษให้จดเอาเอง
แล้วเดียวนางจะเดินเก็บไปค่ะ
ได้เวลาสำรวจ รื้อ แคะ แกะ เกา
ข้างๆที่นั่งจะเป็น Remote, ช่องเก็บของ และปลั๊กค่ะ
ช่องเก็บของมีกระจกแต่งหน้า
แต่ะมีความบ้งคือ ช่องเป็นสามเหลี่ยม
ใส่ของยากมาก
หน้าจอใหญ่ ภาพคมชัด สวยงาม ดูหนังแล้วฟินค่ะ
ขวามือจะเป็นโต๊ะนะคะ
เค้าจะออกแบบให้ที่นั่งริมหน้าต่าง
ทุกที่นั่งหันเข้าหาหน้าต่างหมดเลยค่ะ
ส่วนคู่กลาง ก็จะหันหน้าเข้าหากันแต่มีฉากกั้นนะคะ
พูดง่ายๆคือ ออกแบบให้เหมือนอยู่คนเดียว
ไม่ต้องเห็น ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับใครเลย
Private มาก ประดุจอยู่คนเดียวในลำนี้
ทางเข้าคอก จะเป็นที่วาง Magazine ค่ะ
และจะมีปุ่มควบคุมที่นั่ง
ซึ่งตอนแรกเจ้ก็งง ว่าทำไมอยู่สะไกลเลย
พอปรับนอนถึงเข้าใจ
อ้อ! มันสะดวกมือตอนนอนนี่เอง
หูฟัง Noise Canceling SONY
ถุงผ้าโดเรม่อน จะมีแปรงสีฟัน ที่อุดหู ที่ปิดตา
ที่ฮาและเสร่อของเจ้คือ
Moisture Mark
ซึ่งตอนแรกเจ้คิดว่า
เพราะนางเป็นประเทศเจ้าแม่เครื่องสำอาง
เลยมีแจก Mark หน้าให้
พอตื่นเช้ามาลงเครื่องก็สวยมากเลย
พอเปิดออกมา มันคือผ้าปิดปากค่ะ
เสร่อไหมตรู
คือที่ญี่ปุ่นอากาศมันแห้งมากค่ะ
ยิ่งหน้าหนาว บางคนถึงขั้นมีเลือดออกในจมูก
คนญี่ปุ่นเลยนิยมคาดผ้าปิดปาก
เพื่อเก็บความชื้นที่เราหายใจเอาไว้ค่ะ
รองเท้าเปลี่ยนใส่บนเครื่องและที่ใส่รองเท้า
มีความใส่ใจในการเปลี่ยนรองเท้าของช้านนนน
นอนไม่หลับ ก็ดูหนังวนไปค่ะ
แอบดูว่าคนข้างๆทำไร จะเห็นแค่มือกับขาค่ะ
ในห้องน้ำก็จะมีของให้เล่นแค่นี้ค่ะ
แอบไม่สนุกเท่าไร 555
ได้เวลานอน เจ้ปูเอง ก็จะเละๆแบบนี้แหละคะ 555
และนี่คือ จุดด้อยของ Business Class ทั่วไปค่ะ
คือช่องวางเท้าจะเล็กมากกก
เวลานอนจะขยับเท้าได้น้อยมาก
ทำให้อึดอัดใช้ได้เลย
แต่ของ JAL ที่ไม่ใช่ SKY SUITE นะ
จะใหญ่กว่าของเจ้าอื่นนิดนึง
ทำให้พอจะขยับได้บ้าง
พอจะนอนได้อยู่
แต่ถ้าเป็น SKY SUITE
เค้าจะออกแบบมาให้เหมือน First เลย
คือช่วงยาวจะสบายมาก
แต่ว่าช่องกว้าง จะแคบหน่อย
ไม่รู้จะติดไหล่ไหม ไว้จะไปลอง
เวลาจะนอน ที่เท้าแขนสามารถปรับขึ้นได้นะคะ
เพิ่มความ Private และไม่เกะกะ
ได้เวลาอ้วนค่ะ
Amuse Bouche
Set อาหาร
ต้องเป็นคนที่ชอบอาหารญีปุ่่นมากๆงะ
สำหรับเจ้ สายอาหารฝรั่งค่ะ
อ้วนๆทอดๆมันๆเลี่ยนๆค่ะ 555
สายนี้เหมาะกับคนชอบความเป็นส่วนตัวสูงสุดจริงๆค่ะ
นางจะไม่ขี้เล่นน่ารักแบบ Singapore Airline
ซึ่งถ้าเป็นพวก Overnight Flight จะเหมาะมาก
เพราะจะได้ ได้นอนจริงๆ
ไม่ลงเครื่องไปแบบเป็นผีดิบ
Flight นี้น่าจะเป็น Flight Business
ที่เจ้นอนได้มากที่สุดแล้วค่ะ
สำหรับใครจะจองบินตรง BKK - NRT
เจ้เห็นราคานางจะอยู่ในช่วง 50,000 บาทตลอด
ราคาไม่ค่อยเปลี่ยนเท่าไร
น่าจะตอบโจทย์คนนอนยากได้ดีทีเดียวล่ะ
สนใจอ่านรีวิวสายการบินอื่น
กดที่รูปข้างล่างนี้เลยจ๊ะ